“พี่ๆ ผมต้องทำ ESG ไหม ?”
คำถามที่ ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp พบเจอประจำจากผู้ประกอบการ Startup ยิ่งในช่วงเวลานี้ที่กระแสมาแรงทั้งในโลกและประเทศไทย ไม่ว่าหันไปทางไหนก็จะเห็นบริษัทใหญ่ๆ ต่างชูนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักการ ESG (Environmental : สิ่งแวดล้อม, Social : สังคม และ Governance : ธรรมาภิบาล) กันทั่วบ้านทั่วเมือง
จากคำถามดังกล่าว “AIS The StartUp” ที่ซึ่งมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนธุรกิจ StartUp มาตั้งแต่ปี 2554 จึงเดินสายหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในแวดวง รวมถึงนักลงทุน และ Stakeholder หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จนตกผลึกได้มาซึ่งคำตอบของคำถามว่า “ต้องทำ” ซึ่งต้องทำให้ “ถูกต้อง” และ “ถูกเวลา”
มากกว่า “ต้องทำ” คือ “เหตุผลที่ต้องทำ”
ดร.ศรีหทัย พราหมณี เปิดฉากเล่าถึงความเข้าใจผิดต่อ ESG ที่ส่วนมากมองกันเฉพาะมิติด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การแยกขยะ, Net Zero หรือแม้แต่ Carbon Credit หากแต่แท้ที่จริงแล้ว ESG เป็นเรื่องของการบริหารความเสี่ยงในทั้ง 3 มิติ โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อนักลงทุน หรือ Stakeholder ต่อผู้ประกอบการขนาดเล็ก หรือผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้น และยังไม่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบเหมือนบริษัทขนาดใหญ่
ความเสี่ยงที่ว่านั้นคือ ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเจ้าของบริษัท (Founder) ใครคือผู้สืบทอดบริษัท (Successor) และบริษัทมีแผนการดำเนินการต่อไปอย่างไร (Succession Plan) นั่นคือตัว “G” อักษรลำดับสุดท้าย ที่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ต้องเริ่มก่อนทำเป็นลำดับแรก หากคิดจะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG
“Governance” หรือธรรมาภิบาล มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลุ่มผู้ประกอบการ StartUp เพราะนี่เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่นักลงทุนใช้เพื่อประเมินมูลค่าบริษัทและตรวจสอบว่าธุรกิจมีการจัดการ การบริหาร การกำกับดูแลเพื่อประเมินความเสี่ยง และสามารถจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียได้มากน้อยขนาดไหน
ESG = ทำสิ่งที่ทำอยู่ “ให้เป็นระบบ”
ดร.ศรีหทัย พราหมณี ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ถึง ESG ที่ตามปกติทุกบริษัทก็มีการทำอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่านี่คือ ESG เช่น ผู้ประกอบการที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ (Governance : ธรรมาภิบาล) คิดค้นระบบบัญชีขั้นต้นขึ้นมาให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการรายย่อยใช้ฟรี (Social : สังคม) และด้วยระบบบัญชีนี้เอง ส่งผลทำให้การใช้กระดาษลดน้อยลง (Environmental : สิ่งแวดล้อม)
หรือกรณีที่เจ้าของบริษัทต้องการซื้อกาแฟให้พนักงานทุกคน วันละ 1 แก้ว อาจจะคิดว่าไม่เป็นอะไร แค่กาแฟแก้วเดียว ดึงเงินจากส่วนนั้นส่วนนี้มา ทั้งที่จริงแล้วต้องลงบัญชีในส่วนของงบเอนเตอร์เทน หรือค่ารับรองให้เป็นระบบ ซึ่งแสดงถึงความจริงใจ ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพราะนักลงทุน หรือ Stakeholder ก็ต้องการรู้ว่าบริษัทที่เขาลงทุน ใช้เงินไปกับอะไรบ้าง
จากตัวอย่างนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดว่า หากต้องการทำ ESG ต้องเริ่มที่ตัว “G” นั่นคือทำให้บริษัทมีความเป็นธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง ซึ่งจากความมีเสถียรภาพของบริษัทนี้เอง จะส่งผลไปถึงสินค้า ผลิตภัณฑ์ และสังคม นั่นคือตัว “S” ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า หรือแม้แต่คู่แข่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสุดท้ายด้วยทั้งกระบวนการ ทั้งบริษัท และสินค้าหรือบริการ ก็จะส่งผลไปถึงสิ่งแวดล้อม หรือตัว “E” ในลำดับต่อไป
ESG to Capital for Tech Entrepreneurs
จากแนวความคิด สู่การเห็นภาพความเป็นจริง
เมื่อรู้ความหมายและเข้าใจตรงกันในเรื่องของ ESG สเต็ปถัดมาที่ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp ต้องคิดคือ ผู้ประกอบการ Startup จะได้รับประโยชน์อย่างไรกับเรื่องนี้ เป็นที่มาโครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” โดยร่วมกับมือฉมังในวงการ ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NA) และสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย (Thai Startup Association) ในการ “สร้าง เสริม และต่อยอด” หลักการ ESG ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และสามารถประยุกต์ใช้หลักการด้าน ESG เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงการลงทุนและการประเมินมูลค่าบริษัทของตัวเองได้
โดยเป็นการวางรากฐานหลักธรรมาภิบาลในมิติต่างๆ เช่น ธรรมาภิบาลองค์กร (Corporate Governance), ธรรมาภิบาลการสร้างพันธมิตร (Partnership Governance), ธรรมาภิบาลทางการเงิน (Financial Governance) หรือการกำกับดูแลผู้ถือหุ้น (Shareholder Governance) อันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะได้รับความเชื่อมั่น และพร้อมทางการแข่งขันในตลาดทุน
โครงการ “ESG to Capital for Tech Entrepreneurs” เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ AIS The StartUp ที่มุ่งอัพสกิลให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ มีความเข้าใจในการวิเคราะห์ความเสี่ยงการลงทุนและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบการดำเนินงาน ESC ด้วยเนื้อหาที่มีความเข้มข้นจากพาร์ทเนอร์และวิทยากรจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และแลกเปลี่ยนตลอด 3 เดือนเต็ม
โดยเฉพาะตลอดระยะเวลาการจัดงานสัมมนา 3 วันเต็ม ได้จัดเต็มความรู้ในมุมมองภาพใหญ่ในเชิงนโยบายของภาครัฐด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับทิศทางการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนสตาร์ทอัพ และการเติบโตขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับองค์กรชั้นนำเพื่อมาแบ่งปัน และร่วมสะท้อนปัญหาและความสำคัญในการนำ ESG เข้าไปเป็นหนึ่งในกระบวนการทำงานของธุรกิจ อาทิ
ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการด้าน AIS The StartUp สรุปปิดท้ายว่า เป้าหมายของ AIS ไม่ใช่ว่าจบโครงการแล้วจะทำได้เลย แต่อย่างน้อยที่สุดให้สามารถตั้งทรงได้ ซึ่งการจะทำให้ถูก ต้องเกิดจากการตั้งทรงและตั้งทิศให้ถูก เหมือนจะไปเชียงใหม่ ต้องตั้งเข็มทิศไปเชียงใหม่ ฉะนั้น หลังจบโครงการนี้ AIS ไม่ได้คาดหวังว่า ผู้ประกอบการจะไปถึงเชียงใหม่เลย แต่อยากน้อยให้รู้ว่ากำลังหันหัวรถไปเชียงใหม่
ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการมีรากฐานในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแรง โดยเฉพาะการวางกลยุทธ์ด้าน ESG ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ อันจะเป็นการลดความเสี่ยง เตรียมความพร้อม และเปิดประตูโอกาสการเข้าสู่ตลาดทุน และขยายขนาดการเติบโตขององค์กร (Scale up) ได้ต่อไป