เอสซีจี มุ่งมั่นส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนรุ่นถัดไป
25 Jun 2024

 

เอสซีจี ขับเคลื่อน Inclusive Society สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมน่าอยู่ สิ่งแวดล้อมยั่งยืนให้คนรุ่นถัดไป ชวนทุกภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยน แบ่งปัน และสานต่อภารกิจความยั่งยืนให้อยู่คู่สังคมไทย ในงาน SCG “The Possibilities for Inclusive Society – เติบโตไปด้วยกัน...กับโลกที่ยั่งยืน”

ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี กล่าวว่า ธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก สังคม และยุคสมัย เอสซีจีจึงยกระดับการขับเคลื่อนความยั่งยืนสู่ Inclusive Society ร่วมกับพนักงาน เครือข่าย พันธมิตร และชุมชน สร้างการเปลี่ยนแปลง แก้ไขปัญหาอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อมยั่งยืน และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นต่อไป โดยมุ่งผลักดันสังคมเติบโตไปด้วยกัน 4 ด้าน

 

ฟื้นน้ำ สร้างป่า

ดำเนินงานมาเกือบ 20 ปี อาทิ โครงการ ‘รักษ์ภูผามหานที’ ถ่ายทอดแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนให้ชุมชนนำไปปฏิบัติอย่างเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำกิน น้ำใช้ น้ำทำเกษตรตลอดปี พร้อมจับมือกับชุมชนดูแลระบบนิเวศให้สมบูรณ์และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยตั้งเป้าหมายปลูก ฟื้นฟู อนุรักษ์ป่า 3 ล้านไร่ในปี 2593 ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 5 ล้านตันต่อปี 

 

 

พัฒนาอาชีพมั่นคง

พัฒนาทักษะอาชีพ ให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อาทิ โครงการ “พลังชุมชน” พัฒนาศักยภาพชุมชน แก้จนด้วยความรู้คู่คุณธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท้องถิ่นมีอัตลักษณ์และตอบโจทย์ตลาด จนถึงปัจจุบันสร้างอาชีพไปแล้ว 4,942 คน สร้างรายได้เพิ่มกว่า 4-5 เท่า เกิดเป็นเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง 24 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งพัฒนาอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

อาทิ โครงการสุภาพบุรุษนักขับของ “โรงเรียนทักษะพิพัฒน์” จัดหลักสูตรฝึกอบรมขับรถบรรทุกให้ผู้ว่างงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุกมืออาชีพ ‘แพลตฟอร์มคิวช่าง’ เปิดศูนย์ฝึกอบรมช่าง Q-CHANG ACADEMY เพื่อพัฒนาทักษะและยกระดับอาชีพช่างในด้านต่าง ๆ ครอบคลุมทักษะด้านความรู้ อารมณ์ การเข้าสังคม และธุรกิจ 

 

 

ส่งเสริมสุขภาวะ

สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุข อาทิ โครงการ “แพทย์ดิจิทัล ดูแลผู้ป่วยทางไกล” ใช้นวัตกรรม DoCare ระบบ Tele-monitoring และ Telemedicine ของเอสซีจี ดูแลผู้ป่วยทางไกลด้วยระบบติดตามสุขภาพ เก็บข้อมูลอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง พร้อมระบบปรึกษาแพทย์ทางไกล ผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลจึงสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลา ประหยัดค่าเดินทาง

ปัจจุบันขยายผลใช้กับโรงพยาบาลแล้ว 13 โรงพยาบาล 1 วิสาหกิจเพื่อสังคม ครอบคลุม 12 จังหวัดทั่วไทย พร้อมตั้งเป้าขยายอีก 10 โรงพยาบาล ใน 10 จังหวัด ภายในปี 2567 

 

 

สนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ

ผ่านโครงการ สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ความร่วมมือบูรณาการระหว่างรัฐ-เอกชน-ประชาชน (PPP: Public-Private-People Partnership) เปลี่ยนจังหวัดสระบุรีให้เป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย เพื่อเป็นแรงจูงใจให้จังหวัดอื่น ๆ เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และช่วยให้ประเทศไทยบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2608 ความร่วมมือในสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

อาทิ การกำหนดใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำในทุกงานก่อสร้างในจังหวัดสระบุรีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป การทำนาเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการใช้น้ำ ลดก๊าซมีเทน การปลูกหญ้าเนเปียร์พืชพลังงานสูง และนำของเหลือจากการเกษตรและขยะชุมชนไปแปรรูปเป็นพลังงานทดแทน รวมทั้งร่วมกับชุมชนในการสร้างป่าชุมชนต้นแบบของจังหวัดที่ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก และต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างรายได้ให้ชุมชน

 

 

สำหรับงาน SCG “The Possibilities for Inclusive Society – เติบโตไปด้วยกัน...กับโลกที่ยั่งยืน” เป็นการรวมพลคนจากหลากหลายภาคส่วน ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมในด้านต่างๆ โดยมี 4 ตัวแทนผู้นำชุมชน มาร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ พร้อมส่งต่อพลังบวก ได้แก่

 

 

  • วันดี อินทรพรม กำนันตำบลแกลง จังหวัดระยอง ผู้เปลี่ยนความแห้งแล้งของเขายายดา ให้เป็นป่าต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชุมชนมาบจันทร์ ด้วยการ ‘สร้างฝายชะลอน้ำ’ จากองค์ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมกับเอสซีจีซี จนป่าเขายายดากลับมาเขียวชอุ่ม ไม่เกิดไฟป่าในฤดูแล้ง และกลายเป็นหนึ่งในโมเดลตัวอย่างด้านการจัดการน้ำระดับประเทศ โดยเรื่องราวความมุ่งมั่นของนางวันดีและชุมชนมาบจันทร์ในการเรียนรู้และร่วมมือกันบริหารจัดการน้ำเพื่อความอยู่รอดของชุมชน ยังได้ถูกถ่ายทอดผ่านหนังสารคดี “The Rain Keepers” ซึ่งมีกำหนดฉายทางออนไลน์ผ่านช่อง VIPA ของไทยพีบีเอส ในเดือนกรกฎาคมนี้


 

  • อำพร วงค์ษา ประธานศูนย์หัตถกรรมบ้านงานฝีมือบ้านผาหนาม จังหวัดลำพูน หนึ่งในสมาชิก “โครงการพลังชุมชน” ผู้พลิกวิกฤตของชีวิตเป็นแรงผลักดันสร้างโอกาสให้กับตัวเอง พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างอาชีพให้คนในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ว่างงาน และผู้หญิงที่ขาดโอกาสในการทำงาน

 


 

  • จิตรา ป้านวัน ประธานชุมชนวังขรีวิถียั่งยืน ผู้ก่อตั้ง กลุ่มเยาวชนยิ้มแฉ่งให้ด้วยใจ” เพื่อแก้ปัญหาขยะ สร้างความร่วมมือภายในชุมชน เชื่อมเยาวชนและผู้สูงวัยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พัฒนาชุมชนให้สะอาด น่าอยู่ พร้อมมุ่งสู่การเป็นชุมชนคาร์บอนต่ำ

 


 

  • นิโลบล ลิจุติภูมิ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี บุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ดีแม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข ด้วยการใช้เทคโนโลยีแพทย์ดิจิทัลจากโครงการ “แพทย์ดิจิทัล ดูแลผู้ป่วยทางไกล”

 

 

“โครงการต่างๆ ที่นำเสนอภายในงานนี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน ที่เอสซีจีร่วมมือกับพนักงาน เครือข่าย พันธมิตร และชุมชน มุ่งมั่นมาตลอดการดำเนินธุรกิจกว่า 111 ปี โดยเอสซีจียังคงเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งด้านการศึกษา อาชีพ และสุขภาวะ 50,000 คน ภายในปี 2573 อย่างไรก็ตาม เส้นทาง “การพัฒนา” ไม่มีวันสิ้นสุด เราต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอ เพื่อร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน สังคมที่น่าอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเปิดตัวหนังสือ “เหตุผลที่เรามารวมกัน” ซึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องราวการขับเคลื่อนความยั่งยืนของเอสซีจีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.scg.com/pdf/th/the-power-of-collaboration.pdf


หนังสือ “เหตุผลที่เรามารวมกัน”

 

 

เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง ธุรกิจเปลี่ยนแปลง ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง เราจึงมารวมกัน...เพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

หนังสือ “เหตุผลที่เรามารวมกัน” เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของการลงมือทำ เรียนรู้ แลกเปลี่ยน แบ่งปันซึ่งกันและกัน ระหว่างคนหลากบทบาท เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมหลายมิติ หยั่งรากจากภายในเอสซีจี ก่อนจะขยายผลออกไปในหลายพื้นที่ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร (Corporate Social Responsibility: CSR) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) มาถึงปัจจุบันที่ยกระดับสู่แนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ที่คำนึงถึงทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล 
 

 

หากถามว่าการเดินทางนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร...

ย้อนกลับไปเมื่อ 111 ปีที่แล้ว จากอุดมการณ์ 4 ของเอสซีจี อันได้แก่ ตั้งมั่นในความเป็นธรรม - มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ - เชื่อมั่นในคุณค่าของคน - ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนปรัชญาในการดำรงอยู่ของเอสซีจี และถูกปลูกฝังจนกลายเป็น DNA ของคนในองค์กร เอสซีจีจึงไม่เพียงทำธุรกิจ แต่ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคมควบคู่กันไปด้วย เริ่มจากการทำกิจกรรมกับชุมชนรอบโรงงาน จากนั้นขยายออกไปยังพื้นที่อื่นๆ เป็นเครือข่ายทั่วประเทศ รวมถึงในต่างประเทศที่เราไปทำธุรกิจ และต้องปรับเปลี่ยนหัวเรื่องการทำงานไปตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

โดยประเภทกิจกรรมเพื่อสังคมของเอสซีจีมีทั้งการบริจาค การสนับสนุนให้บุคลากรเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมรอบสถานที่ทำงาน โครงการระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมไปถึงการเตรียมกำลังให้พร้อมสำหรับเหตุจำเป็น เช่น ยามเกิดภัยพิบัติหรือวิกฤต

ในหนังสือเล่มนี้ได้แบ่งกิจกรรมเพื่อสังคมของเอสซีจีออกเป็น 5 ยุค ตามประเด็นสำคัญทางสังคมในแต่ละช่วงเวลา ได้แก่

  1. ช่วงปี 2456 เน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในพื้นที่รอบโรงงาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท ชุมชน และผู้คนโดยรอบ รวมถึงสร้างประโยชน์ให้ผู้คนในพื้นที่
  2. ช่วงปี 2550 ช่วยชุมชนแก้ปัญหาน้ำแล้งและน้ำหลาก เพื่อให้มีน้ำกิน น้ำใช้ น้ำทำเกษตรตลอดทั้งปี ผ่านโครงการบริหารจัดการน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ
  3. ช่วงปี 2561 ซึ่งการขยายตัวของเมืองและการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรทั่วโลกทำให้ความกังวลว่าทรัพยากรจะไม่เหลือเพียงพอสำหรับคนรุ่นต่อไป เอสซีจีจึงพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการผลิตและบริโภคตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านแนวปฏิบัติ SCG Circular Way ชวนทุกคนหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ผลิตและบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อลดขยะตั้งแต่ต้นทางให้เกิดน้อยที่สุด สนับสนุนการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ เพื่อนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่
  4. ช่วงปี 2563 เมื่อการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด 19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในทุกระดับ เอสซีจีจึงร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ หาแนวทางเพื่อฝ่าวิกฤตอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างทันท่วงที โดยได้พัฒนานวัตกรรมสู้โควิด 19 มากมายที่ช่วยให้ผู้คนปลอดภัย
  5. ช่วงปี 2564 เมื่อวิกฤตโลกรุนแรงขึ้น จากโลกร้อนกลายเป็นโลกเดือด เอสซีจีจึงเร่งยกระดับสู่ ESG 4 Plus (Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ - ย้ำร่วมมือ – Plus เชื่อมั่น โปร่งใส) เพื่อสร้างสังคม Net Zero ด้วยนวัตกรรมกรีน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

หากถามว่าอะไรคือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนความยั่งยืนของเอสซีจี...

แน่นอนว่าคำตอบคือ “คน” เอสซีจีจึงเริ่มจากการบ่มเพาะ “จิตสำนึกเพื่อสาธารณะ” ภายในองค์กร แล้วขยายวงออกไปสร้าง “ความร่วมมือ” กับผู้คนโดยรอบ ผ่านการสร้างทักษะ ความรู้ วิธีคิด และพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน เพราะเรา “เชื่อมั่นในคุณค่าของคน” ว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับสังคมได้ อีกทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มานำทางความคิดและการปฏิบัติ ยิ่งทำให้ความยั่งยืนผลิดอก ออกผล และสัมผัสได้จริง
 
เรื่องราวต่างๆ ในหนังสือ “เหตุผลที่เรามารวมกัน” นี้เป็นส่วนหนึ่งของบทเรียนบนเส้นทางการขับเคลื่อนความยั่งยืนของเอสซีจีตลอดกว่าศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจและมุมมองใหม่ ๆ ให้กับผู้ร่วมทางทุกคนไม่มากก็น้อย และสำหรับภารกิจบทใหม่ในการเดินทางสู่สังคม Net Zero ที่ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมน่าอยู่ สิ่งแวดล้อมยั่งยืน จะเต็มไปด้วยความท้าทายมากมาย แต่ “ถึงยากแค่ไหน เราก็ต้องทำ”

และเชื่อว่า “เราจะทำสำเร็จ” หากทุกคน “มีเป้าหมายเดียวกัน” และ “ร่วมมือกันทำอย่างไม่ย่อท้อ”

[อ่าน 694]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
LINE MAN ผนึก ช่องวัน 31 พลิกโฉมประสบการณ์ดูซีรีส์ 
ด้วย “Taste-perience”
Chang Canvas เปิดพื้นที่ Brewhouse สุดไอคอนิก ส่งต่อความสุขเทศกาลดนตรีระดับโลก
ทรู ผนึกกำลังการีนา เปิดศึก RoV สุดมันส์ทั่วไทย!
หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ร่วมออกบูธในงาน Set in the City 2025
โปรแกรมตรวจรับคอนโด ผู้ช่วยที่ทำให้การตรวจรับเป็นเรื่องง่ายขึ้น
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย รุกตลาด “High Net Worth” ชูแนวคิด “PRULegacy: Your Mark Lives On”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved