ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันหรือ Ride-hailing กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการเดินทางของผู้คนในประเทศไทยอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกและความปลอดภัย แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายด้านอีกด้วย
จากรายงาน Economic Report ล่าสุดของโบลท์ พบว่าบริการเรียกรถออนไลน์ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ขับขี่กว่า 500,000 คนทั่วประเทศโดยเติบโตในอัตราเฉลี่ย 10% ต่อปี แต่ยังสร้างรายได้ที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำถึง 250% และมีส่วนช่วยให้เกิดรายได้รวมมากกว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมทั้งสร้างรายได้ภาษีให้กับรัฐอีก 33 ล้านบาทต่อปี

ในมุมมองของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจท้องถิ่น บริการนี้ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง ลดต้นทุนด้านเวลา และสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมีส่วนร่วมในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนที่มีมูลค่ากว่า 17,800 ล้านบาทภายในระบบเศรษฐกิจไทย

นอกจากการสร้างรายได้ให้กับผู้ขับขี่แล้ว บทความยังเผยให้เห็นถึงผลกระทบในเชิงบวกที่เกิดขึ้นกับการลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคล ผู้ใช้บริการที่ไม่ต้องมีรถส่วนตัวช่วยลดปริมาณรถบนท้องถนน ส่งผลให้ปัญหาการจราจรบรรเทาลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ไม่ปราศจากอุปสรรค ทางด้านกฎหมายที่ยังคงมีความซับซ้อนในกระบวนการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ รวมถึงค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงสำหรับผู้ประกอบอาชีพในลักษณะไม่เต็มเวลา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงกรอบกฎหมายและแนวทางกำกับดูแลให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้บริการสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและเข้าถึงผู้ขับขี่ได้อย่างครอบคลุม
โบลท์ในฐานะหนึ่งในผู้นำบริการ Ride-hailing ในประเทศไทย จึงมุ่งเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กับการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้บริการ ทั้งในด้านความปลอดภัย การเดินทางที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับรากฐาน
ด้วยการวิจัยและข้อมูลที่รวบรวมมาอย่างละเอียด บทวิเคราะห์ของโบลท์จึงชี้ให้เห็นว่าบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทาง แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและสนับสนุนการพัฒนาเมืองในยุคดิจิทัลที่ท้าทายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้