แกร็บ เผยรายงานความยั่งยืน 2567 รายได้คนขับ-ร้านค้าพุ่ง 4.2 แสนล้าน ลดคาร์บอน 1.28 แสนตัน
03 Jun 2025
แกร็บ ผู้ให้บริการซูเปอร์แอปชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผย รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 (ESG Report 2024) โดยสรุปผลการดำเนินงานที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม 

 

รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจของแกร็บไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้แก่คนขับและร้านค้าพันธมิตรเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการยกระดับความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม และการร่วมมือกับชุมชนผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ

 

 

รายได้คนขับ–ร้านค้าพุ่ง หนุนเศรษฐกิจฐานราก

ข้อมูลจากรายงานเผยว่า ในรอบปีที่ผ่านมา คนขับแกร็บและผู้ประกอบการร้านอาหาร–ร้านค้า สามารถสร้างรายได้รวมผ่านแพลตฟอร์มกว่า 12.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นรายได้ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของภูมิภาคอย่างมหาศาล โดย ผู้ขับขี่กว่า 99% ในภูมิภาคมีรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ไม่น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ของแต่ละประเทศ สะท้อนถึงบทบาทของแพลตฟอร์มแกร็บในการสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทำงานระดับรากหญ้าอย่างเป็นรูปธรรม 

นอกจากนี้ แกร็บยังส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและคนขับ ผ่านการปล่อยสินเชื่อรวมกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.2 หมื่นล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 46% จากปีก่อน อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการรายย่อยหน้าใหม่กว่า 600,000 ราย เข้าร่วมแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ค้าใหม่เหล่านี้มีส่วนสร้างมูลค่าการสั่งซื้อ (GMV) บนบริการ GrabFood และ GrabMart ถึง 67% ของยอดรวมทั้งหมด ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่าเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนโดยแกร็บสามารถสร้างโอกาสและรายได้ให้ผู้คนจำนวนมาก และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 1.79 แสนล้านบาทต่อปี คิดเป็นประมาณ 1% ของ GDP ประเทศไทย ตามข้อมูลในรายงานนี้
 

มาตรการความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม

แกร็บให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่ โดยรายงานระบุว่า 99.9% ของการใช้บริการผ่านแกร็บเกิดขึ้นอย่างปลอดภัย โดยไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงที่ถูกแจ้งตลอดปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ แกร็บยังได้จัดทำ ประกันอุบัติเหตุ ให้ครอบคลุมคนขับทุกคนขณะให้บริการ เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่ทั้งคนขับและผู้โดยสารยิ่งขึ้นในด้านฟีเจอร์ใหม่ แพลตฟอร์มได้เพิ่มเครื่องมือเสริมความปลอดภัยหลายอย่าง เช่น

ฟีเจอร์ “AudioProtect” ที่บันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง ซึ่งมีการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 2.4 เท่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2567 ช่วยในการตรวจสอบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ย้อนหลัง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “รับผู้โดยสารหญิงเป็นหลัก” (Women Passenger Preferred) ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี 2567 เพื่อให้ผู้ขับขี่สตรีสามารถเลือกรับผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เพิ่มความสบายใจในการให้บริการ ซึ่งพบว่าปัจจุบันผู้ขับขี่ที่เป็นผู้หญิงกว่าครึ่งหนึ่งได้เลือกใช้ฟีเจอร์นี้แล้วมาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแกร็บในการยกระดับความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มควบคู่กับการเติบโตของธุรกิจ

 

ลดการปล่อยคาร์บอนและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า

เพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม แกร็บได้ผลักดันให้คนขับหันมาใช้ ยานยนต์พลังงานสะอาด มากขึ้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด ซึ่งมาตรการนี้ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาช่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 128,000 ตัน แกร็บ ประเทศไทย ระบุว่าแนวทางดังกล่าวสอดรับกับนโยบายภาครัฐที่ต้องการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

และปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10,000 คัน ให้บริการอยู่บนแพลตฟอร์มแล้วการเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษต่ำหรือเป็นศูนย์นี้ไม่เพียงช่วยลดมลภาวะทางอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนในอนาคต
 



 

โครงการชดเชยคาร์บอนและสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากการลดการปล่อยมลพิษโดยตรง แกร็บยังดำเนิน โครงการชดเชยคาร์บอน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ โดยเงินบริจาคจากผู้ใช้ผ่านโครงการดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการ ปลูกต้นไม้กว่า 600,000 ต้น ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ยังมีการ จัดซื้อเครดิตคาร์บอน เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติมอีกกว่า 936,000 ตัน ในปีที่ผ่านมา เมื่อรวมกับความพยายามลดการปล่อยคาร์บอนจากการใช้ EV จะเท่ากับว่ากิจกรรมของแกร็บสามารถช่วยลดหรือชดเชยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า หนึ่งล้านตัน เลยทีเดียว 

นอกจากนี้ บนแอปพลิเคชันยังมีฟีเจอร์สนับสนุนแนวคิดรักษ์โลก เช่น ตัวเลือก “งดรับช้อนส้อมพลาสติก” ในบริการสั่งอาหาร ซึ่งช่วยลดขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้กว่า 929 ล้านชิ้น ลดปริมาณขยะพลาสติกไปแล้วประมาณ 8,363 ตัน รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในการเก็บและรีไซเคิลขยะกว่า 3.8 แสนชิ้นอย่างถูกวิธีอีกด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความรับผิดชอบของแกร็บในการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

 

กิจกรรม GrabForGood และความร่วมมือกับชุมชน

ในมิติด้านสังคมและชุมชน แกร็บเดินหน้าสานต่อกิจกรรมภายใต้โครงการ “GrabForGood” (แกร็บ...เพื่อชีวิตที่ดีกว่า) ซึ่งเป็นพันธกิจเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคควบคู่กับการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ล่าสุดเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกปี 2568 ที่ผ่านมา แกร็บประเทศไทยได้จัดกิจกรรม “From Waste to Wow” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อส่งเสริมให้พนักงานและอาสาสมัครได้เรียนรู้การจัดการขยะอย่างยั่งยืน และเห็นคุณค่าของการรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ ผ่านเวิร์กช็อปที่เปิดโอกาสให้นำของเหลือใช้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนสามารถต่อยอดเป็นสินค้าสร้างรายได้ให้ชุมชนได้จริง กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นร่วมกับกลุ่ม “Paklad Zero Waste” ในชุมชนปากลัด จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบด้านการจัดการขยะที่เข้มแข็ง

โดยวิทยากรจากชุมชนได้มาถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางการลดขยะให้พนักงานแกร็บได้ลงมือปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำวิธีการ เปลี่ยนเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยหมักอินทรีย์ แบบง่ายๆ จากกลุ่ม “ผักDone” ซึ่งเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมด้านการจัดการขยะอินทรีย์ เพื่อให้พนักงานนำความรู้ไปปรับใช้ที่บ้านได้จริง กิจกรรมเพื่อสังคมเหล่านี้สะท้อนถึงความตั้งใจของแกร็บในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสร้างความตระหนักรู้แก่สังคม นอกเหนือไปจากการดำเนินธุรกิจหลัก

 


 

รายงานความยั่งยืนล่าสุดของแกร็บแสดงให้เห็นว่า โมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถสร้างคุณค่าได้หลายมิติ ทั้งการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้คนวงกว้าง การดูแลความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการคืนกำไรสู่สังคมผ่านโครงการต่างๆ

ความสำเร็จเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรขนาดใหญ่อย่างแกร็บ แต่ยังชี้ให้เห็นว่า “การเติบโตอย่างยั่งยืน” สามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อธุรกิจมุ่งสร้างสมดุลระหว่างผลประกอบการกับการดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

[อ่าน 2,346]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
EGCO Group ปิดดีลซื้อหุ้นเพิ่ม 10% โรงไฟฟ้า Linden Cogen สหรัฐฯ ดันสัดส่วนถือหุ้นแตะ 38%
CMG ยกทัพแบรนด์แฟชั่นระดับโลกปักหมุด Central Park 
ตอกย้ำ Fashion Destination
กลุ่มธุรกิจอาหาร ไทยเบฟ คว้า 2 รางวัลด้านอาหารจากเวที RED TABLE AWARDS 2025
AIS ร่วมมือ ETDA และ กสทช. 
เปิดตัว AIS ID บริการยืนยันตัวตนด้วยเบอร์มือถือ ยกระดับความปลอดภัยสู่มาตรฐานสากล
CHAO คว้าการรับรอง “หุ้นยั่งยืนระดับ A” จาก SET ESG Ratings ปี 2568
เคทีซี ผนึก MAGURO Group ฉลองครบรอบ 10 ปี เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ ด้าน Dining Lifestyle
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved