คุยกับ 2 ผู้บริหารแห่ง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” กับการรุกขยายพอร์ตฯ พร้อมเปิด 8 แบรนด์ใหม่
11 Jun 2025

‘รวยไม่หยุด กรุ๊ป’ ถือเป็นผู้บุกเบิกร้านอาหารสไตล์เกาหลีในย่านสยามสแควร์ ไม่ว่าจะเป็นร้านปิ้งย่างเกาหลีชื่อดังอย่าง nice two Meat u, ร้านชานมไข่มุก Fire Tiger, คาเฟ่ขนมปังสไตล์เกาหลี Mil Toast House, ร้านอาหารแนว All Day Western & Korean Brunch อย่าง Dosan Dalmatian และล่าสุดกับการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจในเครือเพื่อเจาะตลาดแมส ด้วยการส่ง เกศเตี๋ยว แบรนด์ก๋วยเตี๋ยวเรือสุดฮอตที่คิวยังแน่นมายาวนานกว่า 5 เดือน มาเปิดเกมรุกครั้งใหญ่

 

 

หากย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เกศ - ชุติมา เปรื่องเมธางกูร และ แนท - นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ 2 พาร์ตเนอร์ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด เริ่มต้นบุกเบิกร้านอาหารในย่านสยามสแควร์ ซอย 3 ใจกลางหมู่วัยรุ่นและคนเมือง ด้วยการเปิดร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีพรีเมียมอย่าง ‘nice two Meat u’ มาบุกตลาด พร้อมตั้งเป้าพัฒนาสยามสแควร์สู่การเป็น World Food Destination เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ

ซึ่ง nice two Meat u ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นปิ้งย่างเกาหลีแรกๆ ในยุคที่ร้านอาหารเกาหลียังไม่แพร่หลายและแข่งขันกันดุเดือดอย่างในปัจจุบัน จนสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว

 

 

“ร้าน nice two Meat u เป็นธุรกิจที่ 9 ของเกศ ก่อนหน้านี้เปิดมาแล้ว 8 ธุรกิจ ทั้งร้านทำเล็บ ยิมมวย ร้านนวด เจ๊งไป 6 เหลือรอดมา 2 อัน โดยส่วนตัวเป็นคนชอบอาหารเกาหลีมากๆ แต่เป็นคนกินรสจัด ถ้าย้อนกลับไป 8 ปีที่แล้ว ยังไม่ร้านอาหารเกาหลีร้านไหนที่ถูกปากตัวเกศเอง เลยคิดว่าจะเปิดร้านอาหารเกาหลีและเอามาปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย เลยไปที่เกาหลีและหาร้านมาเปิดในเมืองไทย จึงกลายเป็นร้าน nice to Meat u ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีร้านแรกๆ”

เกศ - ชุติมา เปรื่องเมธางกูร ประธานบริหาร บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในธุรกิจร้านอาหารจาก nice to Meat u

 

 

สองผู้ก่อตั้งเครือรวยไม่หยุดเดินหน้าเปิดร้านอื่นๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งร้านอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม โดยปัจจุบันมีแบรนด์ในเครือรวยไม่หยุดถึง 10 แบรนด์ที่ล้วนปักหมุดสาขาแรกที่สยามสแควร์ทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น ร้านชานมไข่มุกชื่อดังอย่าง Fire Tiger หรือชานมเสือพ่นไฟ ที่สร้างปรากฏการณ์รอคิวยาวเหยียดมาแล้ว โดยปัจจุบันมีจำนวน 10 สาขา,

Mil Toast 8 สาขา, Happy Pig 3 สาขา, Juicy Bunny 6 สาขา, Dosan Dalmatian 1 สาขา, Sundububu 1 สาขา, EBOMB (อยู่ใน Fire Tiger Coffee Siam Square Block I), หมูกระทะคนรวย 1 สาขา

และล่าสุดกับแบรนด์ก๋วยเตี๋ยวเรือที่กำลังเป็นไวรัลอยู่ในขณะนี้อย่าง ‘เกศเตี๋ยว’ ที่กำลังจะเปิดสาขา 2 ที่ไอคอนสยามในเร็วๆ นี้ ในขณะที่ nice to Meat u ก็สามารถขยายสาขาไปถึง 14 สาขา ซึ่งแบรนด์ทั้งหมดนี้ดำเนินการภายใต้ 3 บริษัทหลัก ได้แก่ บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด, บริษัท รวยปังปัง จำกัด และ บริษัท รวยสบายสบาย จำกัด

 

 

“แบรนด์ในพอร์ตฯ ของเราผสมกัน ทั้งการซื้อแฟรนไชส์จากเกาหลีอย่าง nice to Meat u, Mil Toast, Dosan Dalmatian และแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง Fire Tiger และแบรนด์อื่นๆ”

แนท - นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด กล่าวเสริม

 

ปรับแผนเจาะกลุ่มแมส
ปูพรมเปิดตัว 8 แบรนด์ใหม่ 

ที่ผ่านมาร้านในเครือรวยไม่หยุดสามารถสร้างสีสันและความวาไรตี้ให้กับย่านสยามสแควร์ได้เป็นอย่างดี โดยจับกลุ่มลูกค้าระดับ Medium to High มาโดยตลอด แต่ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ไม่ค่อยจะสดใสนัก เงินในกระเป๋าผู้บริโภคเริ่มน้อยลง ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเองก็มีการเปลี่ยนแปลง ชอบอะไรใหม่ๆ และเปลี่ยนแปลงเร็ว

นั่นทำให้เครือรวยไม่หยุดตัดสินใจปรับกลยุทธ์ หันมาเจาะกลุ่มแมสมากขึ้น พร้อมเปิดเกมรุกครั้งใหญ่ เสริมแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ โดยปูพรมเปิดตัว 8 แบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เอเชียน ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

ชุติมาเปิดเผยถึงการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้ว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 จะเห็นว่าธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยมีการแข่งขันที่ดุเดือดมาก เต็มไปด้วยผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาดร้านอาหารที่มีมูลค่าร่วม 7 แสนล้านบาท จนเกิดภาวะซัพพลายมากกว่าดีมานด์ ขณะที่เทรนด์ผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนแปลงไว ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา 

ในปีนี้ รวยไม่หยุด กรุ๊ป จึงตั้งใจเดินหน้าเสิร์ฟประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้มาสัมผัส กับการเปิดตัว 8 แบรนด์ใหม่ หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา ทางเครือไม่ได้มีการเปิดแบรนด์ใหม่เลย กระทั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังจากศึกษาและพัฒนาคอนเซปต์จนมั่นใจ จึงได้เปิดตัวแบรนด์ก๋วยเตี๋ยวเรือ ‘เกศเตี๋ยว’ ซึ่งเป็นแบรนด์แรกในเครือที่แตกไลน์มาสู่ร้านอาหารไทย เน้นเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม จนสร้างปรากฏการณ์ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่คิวแน่นตลอดทั้งวันมาตลอดระยะเวลากว่า 5 เดือนที่เปิดให้บริการ และสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 เดือน ยอดขายรวมทะลุ 30 ล้านบาท

 

 

“ธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด แต่เพิ่งมีโอกาสได้มาทำจริงจัง เพราะสมัยเด็ก เกศเป็นมือปรุงก๋วยเตี๋ยวของเพื่อน จนได้ฉายาเกศเตี๋ยว บวกกับชอบกินอาหารรสจัด ชอบทำอาหารไทย ดังนั้นพอเห็นช่องว่างในตลาด เลยตัดสินใจปลุกปั้นแบรนด์เกศเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวเรือที่กินได้ทุกวัน อร่อยแบบไม่ต้องปรุง

โดยเอาฉายาที่เพื่อนเรียกมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ เลือกปักหมุดที่สยามสแควร์ซอย 3 ซึ่งเป็นโลเกชั่นที่คุ้นเคย หลังจากเปิดมาร่วม 5 เดือน ก็ได้กระแสตอบรับถล่มทลายจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ

โดยในปีนี้ มีแผนจะขยายสาขาเข้าไปในศูนย์การค้าเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ ยังจะเปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่อีก 8 แบรนด์ ซึ่งมีทั้งแบรนด์ใหม่ที่ปั้นเองและแบรนด์ที่ซื้อแฟรนไชส์มาจากเกาหลี โดยจะทยอยเปิดตัวภายในไตรมาส 3 นี้ทั้งหมด เกศกล้าพูดเลยว่า ตอนนี้ถ้าจะเปิดร้านอาหารต้องใช้เวลาในการคืนทุนภายใน 3 เดือน ถึงจะยั่งยืนต่อไปได้”

 

 

ทำธุรกิจยุคนี้ ต้องเป็นปลาไว
และอ่านเกมให้ขาด 

ในขณะที่ แนท - นันทนัช กล่าวถึงกลยุทธ์ของรวยไม่หยุด กรุ๊ป ในปีนี้ว่า แม้จะวางกลยุทธ์ปูพรมเปิดแบรนด์ใหม่ แต่การขยายสาขาของแบรนด์ในเครือจะเป็นไปด้วยความรอบคอบมากขึ้น ไม่เน้นขยายสาขาเยอะเหมือนที่ผ่านมา โดยจะดูกระแสตอบรับก่อน เพราะจากประสบการณ์ที่ลองขยายสาขาของแบรนด์ในพอร์ตฯ ไปยังโลเกชั่นต่างๆ ทำให้เรียนรู้ว่า แบรนด์ไหนเหมาะกับลูกค้าในโลเกชั่นไหน

 

“ที่สำคัญการทำธุรกิจยุคนี้ นอกจากจะต้องเป็นปลาไวแล้ว ต้องอ่านเกมให้ขาด ถ้าเห็นว่าสาขาหรือธุรกิจไหนอาจจะทำผลงานได้ไม่ดี หรือเติบโตยาก ก็ไม่ควรยื้อ ถ้าไปดูเทรนด์ร้านอาหารที่เกาหลีตอนนี้จะเห็นว่าเปลี่ยนแปลงไวมาก ไม่ต่างกับธุรกิจ Fast Fashion ที่มีทั้งแบรนด์ที่ปิดตัว และแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งประเทศไทยกำลังจะเป็นแบบนั้น

เมื่อมาดูสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัด บวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้ที่ฉลาดเลือกมากขึ้น ไม่ได้มองหาแค่ร้านอาหารที่อร่อย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ แต่ยังมองหาร้านอาหารที่มีคอนเซปต์ Back to Basic เน้นอาหารทานง่าย หรือ เมนูที่คิดถึง

แต่ปัจจุบันอาจจะหาร้านที่อร่อย หรือสะอาดมั่นใจรับประทานได้ยากขึ้น เราจึงเปิดร้านเกศเตี๋ยวเป็นแบรนด์เจาะสู่ตลาดแมส ซึ่งถือว่าเรามาถูกทาง จนได้รับผลตอบรับดีเกินคาด ดึงดูดกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติได้ทุกกลุ่ม สร้างความคึกคักให้สยามสแควร์ซอย 3 ได้สำเร็จอีกครั้ง”

 

สำหรับ 8 แบรนด์ใหม่ในเครือรวยไม่หยุด ที่จะเปิดในปีนี้ แบ่งเป็น

  • แบรนด์ระดับแมส 6 แบรนด์ ได้แก่

    • Standard Bun จะเปิดที่ Siam Square Block I

    • เกศเตี๋ยวป๊อก ป๊อก & ต้มยำ สยามสแควร์ซอย 10

    • ข้าวแกง & ปลาทู สยามสแควร์ซอย 10

    • Chago สยามสแควร์วัน

    • Daelim Korean Noodle สยามสแควร์

    • และร้านแนว Sushi & Izakaya (ขณะนี้ยังไม่มีชื่อ) โดยจะเปิดที่ Siam Square Block I

  • ส่วนแบรนด์ระดับพรีเมียมจะเปิดเป็นปิ้งย่างเกาหลีอีก 2 แบรนด์ ได้แก่

    • Cheong Dum จะเปิดที่สยามพารากอน

    • แบรนด์ Hannum ที่ Central Dusit 

 

 

นอกจากนั้นในปีนี้ยังมีการขยับพอร์ตฯ ด้วยการรีแบรนด์ Fire Tiger ที่อยู่ในตลาดมานาน มีการปรับดีไซน์ให้ทันสมัยมากขึ้น จากแนวจีนๆ สีทอง-แดง จะปรับให้เป็นมินิมอล เน้นโทนสีขาว ดำ เทา เงิน และปรับเมนูให้น้อยลง แต่เพิ่มเมนูใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์สุขภาพมากขึ้น

ในส่วนของสาขาแฟล็กชิปที่สยามสแควร์จะมีการนำแบรนด์อื่นเข้าไปเพิ่มในที่เดียวกัน สร้างเป็น hub ที่มีหลายๆ แบรนด์ในเครืออยู่ในตึกเดียวกัน เพื่อสร้างความหลากหลายและสร้างรายได้ให้กับเครือรวยไม่หยุด ทั้งยังวางแผนเตรียมส่ง ‘เกศเตี๋ยว’ ในรูปแบบซองไปจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนของปีนี้ราวๆ 200 ล้านบาท

 

“แนวคิดนี้มันมาจากที่เราเปิดร้านเกศเตี๋ยว พอเกศได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้เจอผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ คนที่อยู่ในธุรกิจอาหาร เขาแนะนำว่าทำไมไม่ทำแบบซองที่เป็น Instant Noodle เพื่อไปขายต่างประเทศ เขาก็พูดว่าตอนนี้ยังไม่มี Top of Mind ของ Instant Noodle ที่เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือจากเมืองไทย เลยเป็นที่มาที่เราเริ่มทำโปรเจกต์นี้ โดยเล็งส่งไปขายในประเทศจีน ยุโรป และอเมริกา”

 

ทั้งนี้ เกศ - ชุติมา กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ตราบที่ยังเห็นช่องว่างในตลาด รวยไม่หยุด กรุ๊ป ก็ยังพร้อมเดินหน้าเติมแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ เข้ามาในพอร์ตฯ เสมอ โดยตั้งเป้าว่า ด้วยกลยุทธ์การขยายแบรนด์ใหม่ในปีนี้ จะดันรายได้ของเครือให้โตขึ้นราว 20% 

สำหรับปี 2568 เครือรวยไม่หยุดตั้งเป้ารายได้ทะยานสู่ ‘พันล้าน’ หลังจากปีที่ผ่านมีรายได้รวมราวๆ 770 ล้านบาท 

[อ่าน 8,607]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“โรงพยาบาลธีรพร” ชูแนวคิด “เกิดสวย อยู่สวย จากสวย” เดินหน้ารุกตลาดศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า 76,000 ล้าน
เปิดวิสัยทัศน์ ‘ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร’ พร้อมปั้น BAM ให้เป็น Business Recycling Machine
สรุปความสำเร็จของ ‘แมคโดนัลด์’ ผ่านมุมมองของ ‘คุณกิตติวรรณ อนุเวชสกุล’
ทำความรู้จัก “ปิ่นเพชร โกลบอล” ผู้อยู่เบื้องหลัง “ฮากุ” แบรนด์ทิชชู่เปียกของคนไทย
ดิษทัต ปันยารชุน วางรากฐาน OR เตรียมส่งไม้ต่อให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
วีรพล สวรรค์พิทักษ์ ยุทธศาสตร์ Eminent Air สู่ทศวรรษที่ 5
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved