ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ว่า มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หลังสิ้นสุดช่วงผ่อนผัน 90 วันในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยหากสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นในระดับ 10% ตลอดทั้งปี เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ที่ 1.8% และการส่งออกฟื้นเป็นบวก 0.5%
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า
“ภาษีศุลกากรที่ยังไม่แน่นอนส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็ก และเครื่องจักรกล ที่มีสัดส่วนส่งออกสูงไปยังตลาดสหรัฐฯ และจีน”
ข้อมูลจาก KResearch ชี้ว่า GDP ไทยอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคได้ หากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังติดลบต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากแรงส่งที่ชะลอลงในหลายภาคส่วน
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า
“ความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ากว่า 8% ตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง ล้วนส่งผลต่อทิศทางการลงทุนและการค้าโลกอย่างชัดเจน”
ดร.รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า
“ยอดขายรถยนต์ครึ่งปีหลังคาดว่าจะหดตัวที่ -1.7% YoY เทียบกับ -1.0% ในครึ่งปีแรก สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแรง ขณะเดียวกันยอดสินเชื่อชะลอตัวลง แม้กลุ่ม BEV จะเติบโตได้จากการแข่งขันของค่ายจีน”
ด้านสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ก็ถูกคาดการณ์ว่าจะหดตัว -0.6% ทั้งปี
ดร.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ เสริมว่า
“ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ต่างมีความระมัดระวังสูงขึ้น ขณะที่ NPL ยังคงเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรายย่อยและ SMEs ที่มีความเปราะบาง”
ราคาสินค้าเกษตรหลัก เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง มีแนวโน้มลดลงทั่วกระดานจากภาวะผลผลิตล้นตลาดและความต้องการที่อ่อนแรง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรหดตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ตลาดทุนเอกชน เผชิญความท้าทายจากความเชื่อมั่นต่ำ โดยการออกหุ้นกู้ ESG ลดลง แม้กลุ่มธุรกิจใหญ่บางส่วนยังเดินหน้าระดมทุนในโครงการเฉพาะด้านพลังงานหรือ BEV
ดร.กฤตย์ สีตะธนี กล่าวว่า
“ภายใต้ความไม่แน่นอนสูง ธุรกิจ SME ส่วนใหญ่เลือกชะลอแผนลงทุน และมุ่งเน้นการประหยัดต้นทุน เช่น โซลาร์เซลล์ หรือระบบประหยัดพลังงานที่คืนทุนไว”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเสนอว่ารัฐควรใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นมาตรการที่สามารถตอบโจทย์ในระยะสั้น ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว พร้อมแนะเร่งฟื้นความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยว และสนับสนุน “สินค้าไทย” ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ
“ในสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยงรอบด้าน ธุรกิจไทยต้องโฟกัสที่การรักษากระแสเงินสด และบริหารความเสี่ยงในระยะสั้นอย่างรอบคอบ”
— ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวสรุป