“โยล์ค ” ดันโปรเจ็กต์ใหญ่ Made in Thailand รวมพลัง 5 แบรนด์ไทยสู้แบรนด์นอก
16 Aug 2025
 

หลังสร้างกระแส “ทาร์ตไข่ฟีเวอร์” จนยอดขายพุ่งทะลุ 100 ล้านบาทในเวลาไม่ถึงปี YOLK ขยับเกมรุกครั้งใหญ่ด้วยโปรเจกต์ “Proudly, Made in Thailand” 

รวมพลัง 4 แบรนด์ไทยชื่อดังร่วม รังสรรค์ทาร์ตไข่ 4 รสชาติพิเศษ ภายใต้แนวคิด “แบรนด์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” พร้อมยกระดับขนมไทยสู่เวทีโลกด้วยดีไซน์–บรรจุภัณฑ์–ประสบการณ์หน้าร้านรูปโฉมใหม่


 

จากทาร์ตไข่ฟีเวอร์ สู่โปรเจกต์เศรษฐกิจสร้างสรรค์

หลังเปิดตัวเพียง 8 เดือน “YOLK” แบรนด์ทาร์ตไข่และครัวซองต์สเปเชียลตี้โดย อิน–สาริน รณเกียรติ กวาดยอดขายรวมทะลุ 100 ล้านบาท พร้อมสร้างกระแส “ทาร์ตไข่ฟีเวอร์” จนกลายเป็นของฝากประจำกรุงเทพฯ ล่าสุดเดินเกมรุกครั้งใหญ่ด้วยโปรเจกต์ “Proudly, Made in Thailand” รวมพลังกับ 4 แบรนด์ไทยคุณภาพ โอ้กะจู๋, Songwat Coffee Roasters, แก้ว Boutique และ JIANCHA รังสรรค์ 4 รสชาติพิเศษ เปิดตัวทุกวันจันทร์ตลอด 2 เดือนครึ่ง (18 ส.ค.–31 ต.ค. 2568)

 

สาริน รณเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่ำรวยที่สุด จำกัด




อิน–สาริน ย้ำว่า จุดมุ่งหมายไม่ใช่แค่การออกเมนูใหม่ แต่คือการยกระดับแบรนด์ไทยรุ่นใหม่ ให้กลายเป็นสินค้าส่งออกเชิงวัฒนธรรมที่มีคุณภาพระดับสากล ภายใต้แนวคิด “แบรนด์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” และโมเดล Collaboration Marketing ที่ใช้พลังของหลายแบรนด์ร่วมสร้างคุณค่าและขยายฐานลูกค้า

 

4 จันทร์ 4 รสชาติ – ชิมให้ครบ แชร์ให้ทัน

โปรเจกต์นี้ใช้กลยุทธ์ “ปล่อยทีละคลื่น” เพื่อสร้างกระแสต่อเนื่อง โดยทาร์ตไข่พิเศษจะทยอยเปิดตัวทุกวันจันทร์

  • 18 ส.ค. – Truffle Honey Cheese x โอ้กะจู๋  >> ซุปเปอร์ฟลัฟ ชีสน้ำผึ้ง
  • 25 ส.ค. – Songwat Dirty & Fresh Mochi x Songwat Coffee Roasters  >> กาแฟเบอร์รี่โมจินมสด
  • 1 ก.ย. – Pandan & Palm Sugar Caramel x แก้ว Boutique  >> ทาร์ตสังขยาใบเตย–น้ำตาลโตนด
  • 8 ก.ย. – Kyoho Grape Jelly & Cream Cheese x JIANCHA  >> เจเรียลมุนคิโยโฮชีส 


ทุกเมนูวางจำหน่ายที่ YOLK ทุกสาขาในกรุงเทพฯ และผ่าน Grab เดลิเวอรี พร้อมบรรจุภัณฑ์ลิมิเต็ดเอดิชันดีไซน์จาก “ถุงรุ้ง” สัญลักษณ์ความเป็นไทยแบบร่วมสมัย และการตกแต่งร้านใหม่สไตล์ Thai Street ให้ทุกสาขากลายเป็นพื้นที่โชว์ตัวตนของแบรนด์ไทยยุคใหม่

 


6 สาขาของโยล์ค มีดังนี้ เซ็นทรัลเวิร์ล ชั้น 7 , สยามพารากอนชั้น G,  เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น G , บรรทัดทอง (ตรงข้ามจุฬาซอย 14), เจริญนคร 10 โครงการ OURS และสุขุมวิท 24 โครงการ Bambini หรือ ช่องทาง Grab เดลิเวอรี ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม จนถึง 31 ตุลาคม 2568 (จำนวนจำกัด) 

 

อินระบุว่า โปรเจ็กต์นี้ไม่เพียงสร้างรสชาติใหม่ แต่ยังเป็น “Fighting Project” ให้แบรนด์ไทยรวมพลังแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติ ด้วยเป้าหมายขยายฐานลูกค้าและดันยอดขายจากเฉลี่ย 100,000 ชิ้นต่อเดือนเป็น 200,000 ชิ้น ขณะเดียวกันยังรักษามาตรฐานคุณภาพ–ความสดใหม่ ด้วยการอบขนมสดทุก 20 นาทีที่หน้าร้าน


 

กลยุทธ์สื่อสารแบบบูรณาการ

อินเผยว่า การตลาดรอบนี้เป็นการ “ยิงตรงหลายช่องทางพร้อมกัน” ทั้ง OOH ในโซน CBD, In-mall Media ร่วมกับ CPN และ The Mall Group, Influencer Marketing กว่า 400 คน และ In-app Grab Promotion เจาะรัศมี 5 กม. รอบสาขา เพื่อให้โปรเจกต์เข้าถึงผู้บริโภคอย่างกว้างและรวดเร็ว

 

“เราเลือกปล่อยรสชาติใหม่ทุกวันจันทร์เพื่อให้ทุกเมนูมีพื้นที่สื่อของตัวเอง และสร้างภาพจำตลอด 2 เดือนครึ่ง” อินกล่าว


 

เป้าหมาย – ยอดขายโตเท่าตัว และฐานลูกค้าใหม่

ก่อนหน้านี้ YOLK ทำยอดขายเฉลี่ย 100,000 ชิ้นต่อเดือน อินคาดว่าโปรเจกต์นี้จะดันยอดทะลุ 200,000 ชิ้นต่อเดือน พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ผ่านพันธมิตรทั้ง 4 แบรนด์ เช่น กลุ่มฟู้ดดี้สายพรีเมียม, กลุ่มแมส, และกลุ่มออฟฟิศ

อินยังชี้ว่า จุดแข็งของ YOLK คือการอบขนมสดทุก 20 นาทีที่หน้าร้านโดยพนักงานที่จบด้านเบเกอรี่ ทำให้ได้ความสดใหม่และคุณภาพคงที่ทุกชิ้น



 

จากแบรนด์ท้องถิ่นสู่ Local Goes Global

อินมองว่า เสน่ห์ของแบรนด์ไทยอยู่ที่การเล่าเรื่องวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ให้ร่วมสมัย เหมือนกับที่คนไปเกาหลีหรือญี่ปุ่นเพราะอยากสัมผัสแบรนด์ท้องถิ่น เขาอยากให้คนมาประเทศไทยแล้วมี “ลิสต์แบรนด์ไทย” ที่ต้องมาเช็กอิน และเชื่อว่าความร่วมมือของ 5 แบรนด์นี้คือการสร้างภาพจำใหม่ให้คำว่า “Made in Thailand”


“เราใช้แรงงานไทยในทุกขั้นตอน สร้างงาน สร้างรายได้ในประเทศ ในขณะที่แบรนด์นอกอาจยกทั้งระบบเข้ามาโดยไม่สร้างอาชีพให้คนไทย” อินกล่าว


 


 

เส้นทางต่อไป – แฟชั่น, ป๊อปอัพทัวร์ และต่างประเทศ

ปีหน้า YOLK เตรียมขยายสาขาในกรุงเทพฯ ให้ครบ 10 แห่ง และออกสู่ต่างจังหวัดผ่าน Pop-up Tour 3 เดือนต่อเมือง ร่วมกับ CPN พร้อมขยายคอลแลบไปสู่แบรนด์แฟชั่น และเจาะตลาดต่างประเทศโดยมีพาร์ทเนอร์ในอินโดนีเซียและอาเซียนรออยู่

 

อินทิ้งท้ายว่า “เราไม่ได้มองแค่ตัวเลข แต่ต้องการให้โปรเจกต์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์ไทยลุกขึ้นมาจับมือกัน สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน”


 

ปีหน้ามีแผนขยายสาขาในกรุงเทพฯให้ครบ 10 แห่ง ต่อด้วยต่างจังหวัดและต่างประเทศ รวมถึงขยายคอลแลบไปสู่แบรนด์แฟชั่น และสร้าง Pop-up Tour ทั่วประเทศ เป้าหมายเติบโตอย่างน้อย 1 เท่าตัว พร้อมปั้นโยล์คให้เป็น “ของฝากประจำกรุงเทพฯ” สำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก

 

 

[อ่าน 408]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SKINTIFIC เปิดตัวเซรั่มวิตามินซี 10% ดึง “MINNIE” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่
เสนา มั่นคง รายได้รวม 2,640 ลบ. กำไรเด่น 11% ตุน Backlog 7,453 พันลบ.การเงินแข็งแกร่ง เตรียมขายหุ้นกู้เสริมพอร์ตการลงทุน
ภาคใต้พลิกสมการไขความสุข ดันเศรษฐกิจ De-Stress Economy ครั้งแรกในภูมิภาค ผ่านเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568
TOA กำไรไตรมาส 2/68 พุ่งแรงกว่า 36.7% จ่ายปันผลครึ่งปีแรก 0.36 บาทต่อหุ้น ตอกย้ำความแข็งแกร่งและเติบโตยั่งยืน
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี จัดพิธีสักการะองค์พระศิวะ เนื่องในเดือนชราวาน
MJets เปิดประตูสู่การถือครองเครื่องบินส่วนตัวในไทย
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved