คุรุสภา ยกระดับนโยบายครุศึกษาชาติ 
ผลักดันครูสะเต็มไทยสู่มาตรฐานเวทีโลกจากโมเดล SEA-TEP
27 Aug 2025

 

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ประกาศเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จของโครงการครุศึกษายุคใหม่ SEA-TEP (Southeast Asian Teacher Education Programme) ยกระดับครูสะเต็ม (STEM) ทั่วประเทศไทย ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ Thailand International Conference on Education Research (ThaiCER) 2025: Education for the Future หลังจากที่โครงการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์ด้วยดีภายใต้ความร่วมมือระหว่างศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ศูนย์ SEAMEO STEM-ED) กับพันธมิตรระดับภูมิภาค และการสนับสนุนจาก บริษัท เชฟรอน พร้อมชูแนวทางขยายผลโครงการฯ สู่การประยุกต์ใช้เพื่อออกแบบนโยบายครุศึกษาระดับชาติที่ได้มาตรฐานสากล มุ่งเตรียมความพร้อมนิสิตนักศึกษาครูและครูประจำการในประเทศไทยให้สามารถจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพผ่านองค์ความรู้สะเต็ม ตอบโจทย์ความท้าทายจริงในศตวรรษที่ 21 เพื่อ “ก้าวนำมาตรฐานการศึกษา” และยกระดับคุณภาพครูไทยให้พร้อมในเวทีระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการสอน การประเมิน และการพัฒนาทักษะผู้เรียนในโลกยุคใหม่ โดยภายในงานมีทั้งตัวแทนภาครัฐ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา นักการศึกษา รวมถึงผู้กำหนดหลักสูตรและนโยบายจากนานาชาติกว่า 500 คน เข้าร่วมงาน

ระบบการศึกษาในหลากหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านการเตรียมความพร้อมของครูในการจัดการเรียนรู้ให้มีการบูรณาการข้ามศาสตร์ และเข้าถึงทรัพยากรการเรียนรู้ด้านสะเต็มที่มีคุณภาพ โครงการครุศึกษายุคใหม่ หรือ SEA-TEP จึงพัฒนาขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 เพื่อยกคุณภาพการพัฒนาครู โดยดำเนินการครอบคลุม 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย คาซัคสถาน กัมพูชา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย นำโดย ศูนย์ SEAMEO STEM-ED ร่วมกับพันธมิตรระดับภูมิภาค ได้แก่ SEAMEO SEAMOLEC, SEAMEO RECSAM, สมาคมสะเต็มแห่งชาติมาเลเซีย (National STEM Association Malaysia), Caravan of Knowledge, กระทรวงศึกษาธิการกัมพูชา และสถาบันพัฒนาครูชั้นนำในภูมิภาค

 

 

ดร.เกศรา อมรวุฒิวร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ ศูนย์ SEAMEO STEM-ED กล่าวว่า

“โมเดล SEA-TEP ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับการผลิตและพัฒนาครูอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยความร่วมมือจากเครือข่ายทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ด้วยเป้าหมายในการเสริมสร้างสมรรถนะของผู้นำด้านการศึกษา พร้อมพัฒนาเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลได้จริงในการยกระดับการจัดการเรียนรู้สะเต็มในห้องเรียน ซึ่งมีการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่แตกต่างกันไปตามบริบททางการศึกษาของประเทศนั้นๆ ในภาพรวม SEA-TEP มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ตามกรอบการประเมินด้านวิทยาศาสตร์ของ PISA 2025 (โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล) และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ (Next Generation Science Standards: NGSS) ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์บริบทของห้องเรียนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายและนำไปใช้ได้จริง”

“ตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการกว่า 2 ปี SEAMEO STEM-ED ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานใน 5 ประเทศ โดยสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับครูต้นแบบมากกว่า 120 คน จาก 24 มหาวิทยาลัยและสถาบันพัฒนาครู ซึ่งครูเหล่านี้ได้ขยายผลการเรียนรู้ต่อให้กับนิสิตนักศึกษาครูและครูประจำการกว่า 1,500 คน ในโรงเรียนกว่า 214 แห่ง โดยโครงการดังกล่าว มีบทบาทสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนด้านสะเต็มในประเทศที่เข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังเป็นต้นแบบความร่วมมือระดับภูมิภาคที่มีศักยภาพในการพัฒนาครูและการศึกษาให้เดินหน้าอย่างยั่งยืน” ดร.เกศรา กล่าวเสริมถึงความสำเร็จของโครงการฯ

 

หัวใจสำคัญของ SEA-TEP คือการเน้น “การเรียนรู้แบบสามมิติ (Three Dimensional Learning)” มิติแรก บูรณาการองค์ความรู้ข้ามศาสตร์ มิติที่สอง พัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ และมิติที่สาม ผสานด้วยการคิดวิเคราะห์ที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจและสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ต่อปรากฎการณ์ที่ได้เรียนรู้  (phenomenon-based learning) หรือต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์จริงด้วยเทคนิคสามขั้นตอนที่เรียกว่า “claim-evidence-reasoning” (CER) โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากการสังเกต การสืบค้น หรือการทดลอง พร้อมการใช้หลักการและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ

การดำเนินงานของโครงการครุศึกษายุคใหม่ (SEA-TEP) ในประเทศไทย นำโดยคณาจารย์สะเต็มศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำสามแห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยอาจารย์พี่เลี้ยงได้ให้ครูแต่ละคนปรับแผนการสอนของตนเองที่มีอยู่แล้วแทนการใช้บทเรียนที่ทางโครงการฯ ยกมาเป็นต้นแบบ เพื่อให้การพัฒนาการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดรับกับบริบทของผู้เรียน พร้อมประยุกต์ใช้กรอบการเรียนรู้แบบสามมิติ ซึ่งเน้นการตั้งคำถาม และใช้กรอบการอธิบายด้วยเหตุผลผ่านเทคนิค “claim-evidence-reasoning” (CER) พร้อมทั้งใช้โปรแกรมสร้างแบบจำลอง (Modelling) เพื่อให้นักเรียนสามารถอธิบายปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้ด้วยการพัฒนาแผนผังความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆที่ส่งผลต่อปรากฎการณ์นั้นๆ อีกทั้งนักเรียนยังเรียนรู้การใช้โปรแกรมจำลองสถานการณ์เสมือนจริง (interactive simulation tools) เพื่อเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำการทดลองได้ง่าย เช่น การเกิดน้ำท่วม ไฟป่า เป็นต้น  นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังได้ผสานการใช้เครื่องมือ EQuIP Rubric เพื่อประเมินคุณภาพแผนการสอนคณิตศาสตร์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล และเสริมความต่อเนื่องของเนื้อหาในแต่ละระดับชั้นอย่างเป็นระบบ พร้อมใช้การประเมินที่หลากหลายและสอดแทรกในบทเรียนเพื่อวัดผลการเรียนรู้ระหว่างทางของนักเรียน

 

 

แนวทางของประเทศไทย สะท้อนการนำ SEA-TEP ไปประยุกต์ใช้อย่างมียุทธศาสตร์และตอบโจทย์บริบทในพื้นที่อย่างแท้จริง โดย รศ.ดร.มนตรี เเย้มกสิกร ที่ปรึกษาของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ด้านพัฒนาวิชาชีพ กล่าวว่า

“การจับคู่ระหว่างอาจารย์พี่เลี้ยงและครูอย่างใกล้ชิด ทำให้ครูสะเต็มไทยในโครงการได้บูรณาการกระบวนทัศน์ใหม่ๆ เข้ามาในวิธีการสอน เช่น การใช้แบบจำลอง Modelling ทางคณิตศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลและคาดการณ์ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่างๆ ได้ นอกจากเป็นการสร้างทักษะสำคัญของพลเมืองในยุคดิจิทัลที่ชาญฉลาดต่อการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจแล้ว ยังถือเป็นการวางรากฐานเพื่อต่อยอดสู่อาชีพที่ใช้ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) นักวางแผนการตลาด เป็นต้น ซึ่งทุกองค์กรให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า เพื่อนำมาต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ อันจะช่วยกำหนดทิศทางของธุรกิจและองค์กรได้

สะท้อนให้เห็นว่าโครงการครุศึกษายุคใหม่ ไม่ใช่กรอบตายตัวที่ทำเหมือนกันทั่วทั้งภูมิภาค แต่ยืดหยุ่นได้เองตามความเหมาะสมและบริบทในแต่ละประเทศ ดังนั้น สำนักงานเลขาธิการคุรุสภามีแผนจะนำกรอบการพัฒนาที่พิสูจน์แล้วภายใต้โครงการนี้ เป็นแนวทางในการวางรากฐานการออกแบบหลักสูตรการพัฒนาครูในระดับชาติต่อไป เพื่อยกระดับมาตรฐานครุศึกษาและศักยภาพวิชาชีพครูสู่อนาคต”

 

 

งานประชุมวิชาการนานาชาติ Thailand International Conference on Education Research (ThaiCER) 2025: Education for the Future ที่จัดขึ้นนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการสรุปผลโครงการ SEA-TEP ในฐานะต้นแบบสำคัญในการขยายผลการยกระดับคุณภาพการศึกษาสะเต็มทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนครุศึกษาในเชิงนโยบายต่อไปในระยะยาว

[อ่าน 413]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรบินฮู้ด เปิดตัว ‘Robinhood Coin’ ยกระดับความสัมพันธ์กับลูกค้า สู่ชุมชนแฟนพันธุ์แท้ Food Delivery
ทีทีบี ผนึก Databricks ต่อยอดความสำเร็จ ttb touch ด้วย Big Data และ AI
LINE สานต่อความร่วมมือ DGA เสริมความรู้บุคลากรใช้ LINE OA และ AI ผ่าน LINE Bot MCP Server
ชาญอิสสระ รุก 3 โปรเจ็กต์ระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ทั้งกรุงเทพกรีฑา–ภูเก็ต มูลค่ากว่า 12,000 ลบ.
ฟูจิฟิล์ม เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บนแอปสมาร์ตโฟน instax mini Link for Nintendo Switch
เดอะมอลล์ กรุ๊ป ร่วมงาน “พาณิชย์ลดราคา เทศกาลกินเจ 2568” นำเสนอเมนูเจต้นตำรับและวัตถุดิบคุณภาพครบครัน
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved