องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค เร่งขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค เพิ่มกำลังการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า ในปี 2562 อ.ส.ค. ตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีงบประมาณ 2561 ที่ทำรายได้ 9,560 ล้านบาท อ.ส.ค.ทุ่มงบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นที่โรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน
โดยนำไปปรับปรุงในส่วนของโรงงาน ระบบการผลิต และเครื่องจักรใหม่ ซึ่งในปัจจุบันการผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในการปรับปรุงและการขยายไลน์ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นที่โรงงานนม อ.ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
“สำหรับการลงทุนปรับปรุงและขยายกำลังการผลิตโรงงานนม อ.ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่นี้ ได้ปรับปรุงโรงงานระบบการผลิต เครื่องจักร ชุดพาสเจอร์ไรส์ที่สามารถทำการผลิตได้ 5 ตัน/ชั่วโมง แทงค์น้ำนมดิบ ปริมาณขนาด 10 ตัน แทงค์ผสมน้ำนม ขนาด 500 ลิตร, 2 ตัน และ 3 ตัน และแทงค์พาสเจอร์ไรส์น้ำนม ขนาด 5 ตัน และขนาด 3 ตัน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบรรจุโยเกิร์ต เครื่องบรรจุนมถุง และเครื่องบรรจุนมขวด เป็นต้น”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน อ.ส.ค. รับซื้อน้ำนมดิบจากสหกรณ์ฯรวมกว่า 44 สหกรณ์ เฉลี่ย 800 ตันต่อวัน เพื่อรองรับการผลิตในโรงงาน อ.ส.ค. ทั้ง 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคเหนือตอนล่าง (จังหวัดสุโขทัย) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดขอนแก่น) ภาคใต้ (จังหวัดปราณบุรี) และภาคกลาง (จังหวัดสระบุรี)
สำหรับการขยายโรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ สามารถรองรับปริมาณน้ำนมดิบจากสหกรณ์โคนม และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากทางภาคเหนือได้มากขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำนมดิบภาคเหนือมีปริมาณเพียงพอและมีมากกว่ากำลังการผลิตเดิมที่เคยผลิตได้ 15 ตัน/วัน
ดังนั้น การขยายกำลังการผลิตของโรงงานเป็น 30 ตัน/วัน จึงทำให้ อ.ส.ค. สามารถรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรได้มากขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อกำลังการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์สูงขึ้น สามารถส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น จึงช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดเชิงรุกให้แก่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ที่สามารถกระจายผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นให้เข้าถึงทั่วพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ
ปัจจุบัน อ.ส.ค. ได้มีการทำแผนประชาสัมพันธ์ เพื่อรณรงค์และสนับสนุนให้คนไทยและเยาวชนไทยหันมาบริโภคนมที่มีคุณภาพจากนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผงอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดย อ.ส.ค. ได้มีการพัฒนาช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการร้านไทย-เดนมาร์คระหว่าง อ.ส.ค. กับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศในการเปิดร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์ช็อป (THAI-DENMARK MILK SHOP) ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 14 สาขาทั่วประเทศ เฉพาะในเขตภาคเหนือ มีจำนวนทั้งสิ้น 4 สาขา ได้แก่ โรงเรียนมงฟอร์ต จังหวัดเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยแม่โจ้, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา
นอกจากนี้ ในส่วนของร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์แลนด์ (THAI-DENMARK MILK LAND) อ.ส.ค. มีการนำผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ที่ผลิตจากน้ำนมโคสดแท้ 100 % ได้แก่ โยเกิร์ต นมพาสเจอร์ไรส์ และไอศครีม มาเป็นส่วนผสมหลักของเมนูเครื่องดื่ม อาทิ โกโก้เย็น ลาเต้ สมูทตี้ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น
ปัจจุบันร้านไทย-เดนมาร์ค มิ้ลค์แลนด์ (THAI-DENMARK MILK LAND) มีทั้งหมด 24 สาขา ซึ่งในเขตพื้นที่ภาคเหนือ มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดน่าน 2 สาขา
ดังนั้น การที่ อ.ส.ค. ได้มีการปรับปรุงและขยายการผลิตโรงงานนมพาสเจอร์ไรส์ จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากเพื่อรองรับน้ำนมดิบจากเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือที่มีปริมาณน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การผลิตผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มนมเย็นของ อ.ส.ค. มีการผลิตและกระจายสินค้าได้มากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
“นอกจากนี้ อ.ส.ค. ยังมีแผนที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์และกลุ่มนมเย็นไปยังกลุ่มธุรกิจ Catering ต่างๆ เช่น โรงแรม ฟู้ดส์คอร์ท ร้านอาหาร อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างฐานการผลิตผลิตภัณฑ์นมของ อ.ส.ค. ให้มีประสิทธิภาพเพื่อแตกไลน์สินค้าและขยายกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้นแล้ว
ยังช่วยเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมให้คนไทยได้ดื่นมนมกันมากขึ้น และช่วยสืบสาน สานต่อและธำรงค์โคนมอาชีพพระราชทาน จากในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานให้อยู่คู่กับสังคมไทยให้ยาวนานต่อไปด้วย” ดร.ณรงค์ฤทธิ์ กล่าว