
“บมจ.มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย)” หรือ MR. D.I.Y. ผู้นำธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้เป็นวันแรก โดยถือเป็นการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่มีมูลค่าสูงที่สุดของปีนี้ ด้วยมูลค่าระดมทุนกว่า 5.6 พันล้านบาท (ประมาณ 173 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ซึ่งการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำ (Cornerstone Investors) ซึ่งประกอบด้วย FIL Investment Management, Lion Global Investors, กองทุนที่บริหารโดย Fiera Capital (UK) Limited, InnovestX และ BBL Asset Management
ซึ่งการเสนอขายหุ้นของ MR. D.I.Y. ยังถือเป็นการเข้าจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวม 51.7 พันล้านบาท (ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในรอบสามปีที่ผ่านมาอีกด้วย
มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไปที่มีขนาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย โดยมีทีมผู้บริหารที่มากประสบการณ์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ภายใต้แนวคิด “เพื่อให้ทุกคนได้ครบทุกสิ่ง ในทุกวัน ด้วยราคาถูกคุ้มเสมอ” (Always Low Prices) ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนจะขยายเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 500 สาขาในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
พร้อมนำเสนอสินค้าประมาณ 16,000 รายการ ครอบคลุมใน 6 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ (1) เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (2) อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และเครื่องมือช่าง (3) เครื่องใช้ไฟฟ้า (4) เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา (5) ของเล่น และ (6) สินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ โดยมุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าคุณภาพในราคาคุ้มค่าและเข้าถึงง่ายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัท ในการยกระดับมาตรฐานธรรมาภิบาลทางธุรกิจ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ และเพิ่มการมองเห็นในตลาดทุนไทย ที่จะช่วยสนับสนุนให้มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
แอนดี้ ชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “MR. D.I.Y.”) เปิดเผยว่า หุ้นของบริษัทฯ ได้เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “MRDIYT” โดยได้กล่าวแสดงความมั่นใจว่า
แผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ซึ่งรวมถึงการยกระดับประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ควบคู่ไปกับการขยายสาขาทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาว
“วันนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ประเทศไทย ในฐานะวันแรกของการเข้าซื้อขายอย่างเป็นทางการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อย่อ ‘MRDIYT’ การเสนอขายหุ้น IPO ของเราเป็นการเริ่มต้นของบทใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งจะขับเคลื่อนไปด้วยการเติบโต นวัตกรรม และความรับผิดชอบ ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ช่วงใหม่ของการดำเนินธุรกิจ เราจะยังคงยึดมั่นในพันธกิจในการสร้างธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” นายแอนดี้ กล่าว
พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ‘MRDIYT’ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านของประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต (Early Stage of Growth)
จากทิศทางอุตสาหกรรมค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในประเทศไทยคาดการณ์ว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ร้อยละ 5.4 จากมูลค่าตลาด 182.6 พันล้านบาท ในปี 2567 เป็น 237.8 พันล้านบาท ในปี 2572 โดยการเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากกระบวนการขยายตัวของเมือง (Urbanisation) ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคจากช่องทางค้าปลีกแบบดั้งเดิมสู่รูปแบบโมเดิร์นเทรด
นอกจากนี้กลุ่มสินค้าของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ซึ่งประกอบด้วยสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันและอุปกรณ์ภายในบ้าน ทำให้บริษัทมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้ดีภายใต้สภาวะเศรษฐกิจทุกรูปแบบ สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งของธุรกิจในทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ
กนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและตัวแทนจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า MRDIYT เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย
โดยในปี 2567 มีส่วนแบ่งตลาดอุตสาหกรรมค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในประเทศไทยประมาณร้อยละ 9 ซึ่งยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ยังถือเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยในปี 2568 มีอัตราการรับรู้ตราสินค้าเป็นลำดับแรก (Top of Mind) อยู่ที่ร้อยละ 37.0 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้านในประเทศไทย และด้วยการวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตที่มุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากการขยายสาขา เสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานในแต่ละสาขา และรักษาความคุ้มค่าผ่านการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในระยะยาว จะเป็นกลไกที่สำคัญขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และสนับสนุนให้หุ้น MRDIYT เป็นหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง สามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว





