
ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ฟังดูเป็นชื่อที่เฉพาะเจาะจงมาก แต่เชื่อไหมว่าอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบนี้สำคัญกับชีวิตเราสุดๆ เพราะมันคือด่านหน้าของการรับสารอาหารและขับของเสียออกจากร่างกายเลยนะ หลายคนอาจจะคิดว่ามาหาหมอที่นี่แค่ตอนปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาหารไม่ย่อย แต่จริงๆ แล้ว ศูนย์ทางเดินอาหารและตับให้การดูแลรักษาที่ครอบคลุมกว่าที่เราคิดเยอะมาก
ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวมของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เข้าใจกลไกซับซ้อนของระบบย่อยอาหารทั้งหมด ตั้งแต่ปากไปจนถึงทวารหนัก รวมถึงอวัยวะสำคัญอย่างตับและตับอ่อนด้วย พูดง่ายๆ คือถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือเรื้อรัง ที่นี่คือคำตอบ

1. ส่องกล้อง ไม่ได้มีแค่การตรวจหาโรค แต่คือการรักษาด้วย
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องการส่องกล้อง (Endoscopy) มาบ้าง อาจจะรู้สึกกลัว ๆ แต่ต้องบอกว่าเทคโนโลยีนี้ก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว ไม่ได้มีแค่การส่องเพื่อวินิจฉัย เช่น การส่องกล้องกระเพาะอาหารหรือลำไส้ใหญ่เพื่อดูว่ามีแผล มีเนื้องอก หรือมีอะไรผิดปกติไหม แต่การส่องกล้องยังใช้ในการรักษาได้ทันทีด้วยนะ เช่น การตัดติ่งเนื้อ (Polyp) ในลำไส้ใหญ่ที่อาจกลายเป็นมะเร็งในอนาคตออก หรือการใส่ท่อระบายในกรณีที่มีการอุดตันของท่อน้ำดี ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ถือเป็นทางเลือกที่ลดความเจ็บปวดและฟื้นตัวได้เร็วกว่าเยอะมาก
2. โรคตับ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคนดื่มเหล้า
พอพูดถึงโรคตับ หลายคนจะนึกถึงผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก ๆ อย่างเดียวเลย แต่จริง ๆ แล้วปัญหาของตับมีความหลากหลายและซับซ้อนกว่านั้นมาก ที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับจะให้ความสำคัญกับการดูแลภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นมากในยุคปัจจุบัน เพราะเกี่ยวพันกับพฤติกรรมการกินและวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว เชื่อไหมว่าไขมันพอกตับถ้าปล่อยไว้ก็มีโอกาสนำไปสู่ตับแข็งหรือมะเร็งตับได้เหมือนกัน ดังนั้น การตรวจหาความเสี่ยงและวางแผนดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
3. ปัญหาการทำงานของระบบทางเดินอาหารที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
นอกจากโรคที่เห็นได้ชัดเจนอย่างแผลในกระเพาะ หรือริดสีดวงทวารแล้ว ศูนย์ทางเดินอาหารและตับยังให้ความสนใจกับโรคที่เกี่ยวกับการทำงาน (Functional Disorders) ของระบบย่อยอาหารด้วย อย่างเช่น อาการกรดไหลย้อนที่เรื้อรัง หรืออาการลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome - IBS) ซึ่งโรคพวกนี้อาจจะไม่ถึงกับอันตรายถึงชีวิต แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างหนักเลยล่ะ การวินิจฉัยและรักษาอาการเหล่านี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับลำไส้ (Gut-Brain Axis) อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้คำแนะนำที่ครอบคลุม ทั้งการปรับยา การปรับอาหาร ไปจนถึงการจัดการความเครียด เพราะบางทีอาการเหล่านี้ก็เป็นผลมาจากความเครียดที่สะสมอยู่ภายใน
4. มะเร็งทางเดินอาหาร การป้องกันและการตรวจคัดกรองคือหัวใจสำคัญ
สำหรับโรคที่ร้ายแรงอย่างมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งตับ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับก็เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ แต่สิ่งที่เน้นย้ำมาก ๆ คือการตรวจคัดกรอง เพราะมะเร็งบางชนิดอย่างมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โอกาสหายขาดสูงมาก ดังนั้น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองที่เหมาะสมตามช่วงวัยและปัจจัยเสี่ยงจึงเป็นเรื่องที่ทาง ศูนย์ทางเดินอาหารและตับให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลย
จะเห็นได้ว่าการดูแลของศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ไม่ได้มีแค่การรักษาโรค แต่คือการดูแลสุขภาพองค์รวมที่ครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัยโรคซับซ้อน การรักษาโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ไปจนถึงการป้องกันโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน หากรู้สึกว่าระบบย่อยอาหารหรือตับมีอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษา เพื่อสุขภาพที่ดีของระบบทางเดินอาหารและตับของเราในระยะยาว





