
ผลไม้พื้นบ้านในหลายชุมชน มักถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงผลไม้ธรรมดา แทบไม่มีคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์เต็มที่ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดสร้างคุณค่าจากของที่มีอยู่แล้วในชุมชนของ “แม่กุล-ณพัชติมนท์ อนันท์อัครเดชา” ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรแปรรูปปลายนาบ้านน่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ที่เห็นคุณค่าและโอกาสในผลมัลเบอร์รี่สด พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ “มัลเบอร์รี่แก้ว” ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด สร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และไม่หยุดเรียนรู้ผ่านโครงการ “โรงเรียนผู้นำประโยชน์สุข” ของเอสซีจี
“ประโยชน์สุข” ส่องทางสร้างคุณค่าจากสิ่งที่มี
ในฐานะข้าราชการเกษียณ “แม่กุล” บอกว่า ตอนเริ่มต้นคิดยังมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่หลังจากได้เข้าร่วมโครงการ “โรงเรียนผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” ของเอสซีจี ทำให้มองเห็นความเป็นไปได้จากการได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำตลาด รวมถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ จึงนำมาปรึกษากับสมาชิกในกลุ่ม พร้อมช่วยกันสำรวจวัตถุดิบในชุมชนที่สามารถสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้ชุมชนได้ ซึ่งพบว่าในหัวไร่ปลายนาของชาวบ้านมักจะปลูกต้นหม่อน หรือ “มัลเบอร์รี่” เพื่อไว้ทานในครัวเรือน เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ส่วนที่เหลือจะนำไปขาย แต่มีราคาถูกกิโลกรัมละ 20 บาทเท่านั้น ในขณะที่หากนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น แยมมัลเบอร์รี่ ราคาจะสูงขึ้นมาก จึงคิดกันว่าจะนำมัลเบอร์รี่มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์
นอกจากผลมัลเบอร์รี่จากหัวไร่ปลายนาในชุมชน ที่นำมาใช้ตั้งเป็นชื่อ “วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรแปรรูปปลายนาบ้านน่าน” แล้ว “แม่กุล” ยังมองไกลถึงผลผลิตจำนวนมากของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถใน จ.น่าน เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ราบสูงปลูกหม่อนแทนการทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งมีทั้งสายพันธุ์ที่เก็บใบเอาไปเลี้ยงหม่อนไหม และสายพันธุ์ที่เอาผลมาแปรรูป โดยทางศูนย์หม่อนไหมฯ จะมีการห้องเย็นในการเก็บรักษาผลผลิตไม่ให้เน่าเสีย ทำให้มองว่ามีผลผลิตเพียงพอที่จะนำมาแปรรูปอย่างแน่นอน อีกทั้งชุมชนยังสามารถส่งผลมัลเบอร์รี่เป็นวัตถุดิบให้โครงการหลวงได้ด้วย

เปิดประตูสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ มัลเบอร์รี่สร้างเศรษฐกิจชุมชน
“มัลเบอร์รี่” ผลไม้พื้นบ้านรสเปรี้ยวอมหวานที่หลายคนมองข้าม กลายเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง “มัลเบอร์รี่แก้ว” ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์สูง ช่วยระบบขับถ่ายและสร้างสมดุลลำไส้ โดยใช้ผลผลิตจากสวนชาวบ้านและศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถใน จ.น่าน ซึ่งปัจจุบันพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ 3 รูปแบบ ได้แก่ มัลเบอร์รี่หนึบธรรมชาติ มัลเบอร์รี่แก้วสี่รส และมัลเบอร์รี่คลุกบ๊วย นำไปขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอท็อปเรียบร้อยแล้ว มีช่องทางการวางจำหน่ายในร้านกาแฟ ร้านของฝากในจังหวัดน่าน

“เรานำแนวคิด ความรู้ และทักษะต่าง ๆ จากโครงการโรงเรียนผู้นำชุมชจประโยชน์สุขมาเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีการสำรวจตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะตลาดวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ของขอบคุณเอสซีจีที่ทำโครงการดี ๆ เพื่อสร้างสังคมยั่งยืน ทำให้ชุมชนมีแนวทางในการสร้างผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น ขอบคุณที่ทำให้ลูกหม่อน หรือมัลเบอร์รี่ลูกเล็ก ๆ ริมรั้วสามารถสร้างอาชีพ สร้างคน และสร้างประโยชน์สุขให้กับชุมชนได้อย่างแท้จริง”
ภาพสะท้อนพลังชุมชนที่สร้างความยั่งยืนจากฐานราก “แม่กุล” เป็นหนึ่งในหลายตัวอย่างที่จับต้องได้ของการต่อยอดวัตถุดิบท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืนจากฐานราก เปลี่ยนของธรรมดาให้มีคุณค่าได้ โดยเริ่มต้นจากการมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่ในชุมชน สามารถยกระดับ “มัลเบอร์รี่” ผลไม้พื้นบ้านราคาถูกให้มีมูลค่าเพิ่ม ด้วยพลังความมุ่งมั่น และเปิดรับองค์ความรู้ใหม่จากการเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “โรงเรียนผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” ของเอสซีจี เพื่อนำมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย และสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งขยายผลไปสู่การสร้างรายได้ให้กับชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ส่งต่อความสุขและสร้างแรงบันดาลให้กับคนรอบตัว






