
แต่สิ่งที่กรุงศรีชวนคิดต่อ คือ “ความรู้” จะพาไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนได้จริง ก็ต่อเมื่อมี รากฐานทางการเงินที่แข็งแรง จึงต่อยอดแนวคิด “จุดเริ่มต้นของชีวิตที่ยั่งยืนคือการเงินที่มั่นคง” หนึ่งในแกนหลักของแคมเปญ GO Sustainable with krungsri ก้าวเพื่อสังคมที่ยั่งยืนของเรา ที่เดินหน้ามาตั้งแต่ปี 2024

คุณมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร กรุงศรี อธิบายภาพใหญ่ไว้ชัดว่า หลายคนอาจมอง “ความยั่งยืน” เป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ในความเป็นจริง “การเงินเกี่ยวข้องกับเกือบทุกมิติของชีวิต” และเป็นฐานสำคัญที่ทำให้ความยั่งยืนเกิดขึ้นได้จริง
กรุงศรีจึงเริ่มขับเคลื่อนจาก “ภายใน” ด้วยการสร้าง Sustainability DNA ให้พนักงานควบคู่กับเรื่องการเงิน ทั้งด้าน Financial Literacy และความเข้าใจเรื่อง “การเงินยั่งยืน” เพื่อให้พนักงานเป็นต้นแบบที่มีวินัยการเงิน ก่อนขยายไปสู่ลูกค้าและสังคมในวงกว้าง
จากรายงาน Saving Behavior Survey: Decoding the Saving Habits of Thai Consumers 2025 โดยวิจัยกรุงศรี ระบุว่า คะแนนทักษะทางการเงินของคนไทยอยู่ที่ 71.4% เพิ่มจาก 67.4% ในปี 2563 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD ที่ 60.5%
โดยประเมินจาก 3 องค์ประกอบหลัก ซึ่งสะท้อนว่า “คนไทยไม่ได้แค่สนใจ แต่เริ่มเข้าใจและลงมือทำมากขึ้น”
ความรู้ทางการเงิน (Financial Knowledge) เพิ่มเด่นชัดมาอยู่ที่ 69.7% สะท้อนความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยและความเสี่ยงดีขึ้น
พฤติกรรมทางการเงิน (Financial Behavior) เพิ่มเป็น 70.3% จากวินัยในการจัดงบประมาณและการออม
ทัศนคติทางการเงิน (Financial Attitude) อยู่ระดับสูง 76.8%

เมื่อมองเชิงพฤติกรรม ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจต่อภาพการเงินของครัวเรือนไทย เช่น
87.5% ของครัวเรือนไทย “ออมเงินบางส่วนจากรายได้” โดยส่วนใหญ่เลือกช่องทางปลอดภัยอย่างเงินสดหรือบัญชีเงินฝาก
60% มีวินัยการเงินที่ดี ออมหรือลงทุนสม่ำเสมอ และเก็บได้ 20–30% ของรายได้ต่อเดือน (สอดคล้องคำแนะนำ ธปท.)
เมื่อมีรายได้เข้ามา คนไทยจำนวนมาก (38%) เลือก “ชำระหนี้” เป็นลำดับแรก สะท้อนความตระหนักด้านภาระการเงิน
61.1% มีแผนเกษียณและเริ่มออมแล้ว แต่มีเพียง 15.7% ที่ทำได้ตามแผนครบถ้วนจริง
ภาพรวมจึงเหมือน “ไฟเริ่มติด” คนไทยอยากมีวินัยและอยากวางแผน แต่ยังต้องการเครื่องมือและคำแนะนำที่ทำให้ทำได้จริงต่อเนื่อง
อีกมุมที่กรุงศรีหยิบมา “ตีความ” ให้เห็นชัด คือการทำความเข้าใจแบบ Empathize กับคนแต่ละวัย เพราะคำว่า “การเงินมั่นคง” หน้าตาไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงชีวิต
1) Gen Z (20–30 ปี) วัยเริ่มทำงาน: “สร้างตัวเร็ว เน้นสมดุล มองหาความมั่งคั่งแบบใหม่”
เติบโตมากับความไม่แน่นอนจากโควิดและภัยพิบัติ จึงเริ่มวางแผนเร็วขึ้น หลายคนหารายได้หลายช่องทาง (กว่า 38% มีรายได้มากกว่า 1 แหล่ง) ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance และมักเริ่มจาก “เงินสำรองฉุกเฉิน 3–6 เดือน” ก่อนต่อยอดสู่การลงทุนและแผนเกษียณ
2) Gen Y (30–40 ปี) วัยสร้างครอบครัว: “ความหวังของบ้าน ต้องบริหารความมั่นคงรอบด้าน”
เป็นช่วงที่ภาระและความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ทั้งบ้าน รถ ครอบครัว และอนาคตลูก จึงเน้นการสร้างทรัพย์สินระยะยาวและเริ่มวางแผนเกษียณจริงจัง โดยกลุ่มนี้มีความคาดหวังเงินใช้หลังเกษียณสูงสุดถึง 35,000 บาท/เดือน และให้ความสำคัญกับเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอย่างประกันชีวิต/สุขภาพ
3) Gen X (40–55 ปี) วัยมั่นคง: “เร่งปลดหนี้ วางแผนเกษียณแบบมืออาชีพ”
เป็นกลุ่มที่เห็นเป้าหมายเกษียณชัดที่สุด โดย 79% จัดทำแผนเกษียณแล้ว แต่หลายคนเป็น Sandwich Generation ต้องดูแลทั้งลูกและพ่อแม่ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูง จึงเน้นปลดหนี้ สร้าง Passive Income และกันเงินออมสำหรับเกษียณผ่านเครื่องมือความเสี่ยงต่ำ เช่น RMF หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4) Baby Boomer (60+ ปี) วัยอิสระ: “Active Aging ไม่ยอมเกษียณจากชีวิต”
หลายคนวางแผนเกษียณล่วงหน้าแล้ว (83%) แต่ยังอยากทำงานหรือมีรายได้ต่อเนื่อง (32% ยังมีรายได้หลักจากงานของตัวเอง) พร้อมโฟกัสค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการรักษาเงินต้น เลือกสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก หรือประกันสะสมทรัพย์ เพื่อให้เงินพอใช้ยาว 20–25 ปีหลังหยุดทำงาน
กรุงศรีมองว่า ความแตกต่างของ “โจทย์ชีวิต” นี่เอง ทำให้การทำให้คนไทยก้าวสู่ความยั่งยืน ต้องเริ่มจาก “ฐานการเงินที่ถูกต้อง” แบบที่เหมาะกับแต่ละวัย ไม่ใช่สูตรเดียวใช้ได้ทุกคน

เพื่อให้แนวคิด “การเงินมั่นคง” เป็นเรื่องใกล้ตัวและเริ่มได้จริง กรุงศรีต่อยอดเป็นเครื่องมือและคอนเทนต์ที่ตั้งใจลดความซับซ้อนของการเงินให้เหลือ “ขั้นตอนที่คนทั่วไปทำได้”
1) Krungsri Financial Health Check
เครื่องมือตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์ ใช้งานง่าย เพียงตอบคำถามสั้นๆ ได้ผลประเมินและคำแนะนำเบื้องต้นทันที ผ่าน LINE @Krungsrisimple ด้วยคำสั่ง “เช็คสุขภาพการเงิน”
2) Krungsri The COACH
แพลตฟอร์มความรู้และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โค้ชเรื่องเงิน ให้เป็นเรื่องง่าย” ครอบคลุมตั้งแต่ออม-ใช้จ่าย-บริหารหนี้-ความคุ้มครอง-ลงทุน เพื่อช่วยให้แต่ละวัยวางแผนได้ตรงเป้าหมาย โดยกรุงศรีระบุว่า The COACH สร้างการมีส่วนร่วมสูง และคอนเทนต์วิดีโอเติบโตต่อเนื่อง พร้อมยอดรับชมรวมหลายสิบล้านครั้งบน Facebook, YouTube และ TikTok
นอกจากนี้ ช่องทางโซเชียลของ Krungsri Simple ยังเดินหน้าสื่อสาร “เกร็ดความรู้การเงิน” อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักให้คนไทย “เริ่มวันนี้” ไม่ใช่ “รอให้พร้อมก่อน”
แก่นของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข 71.4% แต่คือการตีความว่าคนไทยกำลังอยู่ในจุดที่ “อยากเก่งการเงิน” และเริ่มเห็นความจำเป็นของวินัยทางการเงินมากขึ้น โดยกรุงศรีตั้งบทบาทเป็น “จุดเชื่อมต่อ” (Connector) ที่เชื่อมความเข้าใจเรื่องการเงินกับความยั่งยืนให้จับต้องได้ ผ่านทั้งความรู้ (Financial Literacy) และทางออกเชิงเครื่องมือ (Financial Inclusion Solution)
เพราะสุดท้ายแล้ว ความยั่งยืนที่ไกลตัวที่สุด อาจเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุด—เงินในมือ การจัดการหนี้ การออม และการวางแผนชีวิต—และเมื่อทำให้ “การเงินเป็นเรื่องง่าย” คนไทยก็มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตที่มั่นคงและยั่งยืนได้ทันที





