ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และชุมชนประมงพื้นบ้านคลองปากบาง จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) “ร้อยดวงใจกั้นขยะสู่ทะเล ของภาคประชาชน เอกชน และส่วนท้องถิ่นคลองปากบาง ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต”

ประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต กล่าวว่า ศูนย์การค้าจังซีลอนได้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นประจำทุกปี โดยจังซีลอนเป็นศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ มีทะเลและชายหาดที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางหมุนเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย

“ในปีนี้เราได้เล็งเห็น และตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของปัญหาขยะในทะเล ที่นับวันจะเป็นวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบมากมาย ต่อระบบนิเวศวิทยาทางทะเล และต่อสัตว์ทะเล รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวชายฝั่งต่างๆ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ทางเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต มีแนวคิดที่จะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะมูลฝอยที่ล้นเมืองภูเก็ตในปัจจุบัน รวมถึงปัญหาน้ำเน่าเสีย โดยเฉพาะปัญหาขยะที่เกิดขึ้นบริเวณคลองปากบาง ซึ่งเป็นเส้นทางของน้ำจากแหล่งชุมชนไหลลงสู่ทะเลโดยตรง”

เป็นที่มาของกิจกรรม “ร้อยดวงใจกั้นขยะสู่ทะเล ของภาคประชาชน เอกชน และส่วนท้องถิ่นคลองปากบาง ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต” โดยทางศูนย์การค้าจังซีลอน ได้เข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ในการใช้ดักขยะ อาทิ ตาข่าย, ทุ่น, เชือกอวน, สวิงตักขยะ รวมไปจนถึงอุปกรณ์เก็บขยะบริเวณชายหาดต่างๆ พร้อมส่งมอบให้กับตัวแทนชุมชนคลองปากบาง เพื่อนำไปใช้และติดตั้งดักขยะบริเวณคลองปากบาง โดยมีเทศบาลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ประสานความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ

นอกจากนั้นแล้ว ทางจังซีลอนยังได้รวบรวมพนักงานจิตอาสา ทั้งระดับหัวหน้าและระดับปฏิบัติการ เข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคม เก็บขยะบริเวณชายหาดปากบาง พร้อมทั้งเรียนรู้วิธีการถักตาข่ายเพื่อใช้งานจริง โดยมีตัวแทนชุมชนประมงพื้นบ้านคลองปากบางเข้าสาธิตวิธีการทำให้อีกด้วย

ประวิช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ซึ่งในโอกาสวันสำคัญ “วันสิ่งแวดล้อมโลก” และ “วันทะเลโลก” ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ยังได้จัดนิทรรศการให้ความรู้ พร้อมจัดแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์จากขยะและวัสดุเหลือใช้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม เพื่อตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากขยะพลาสติกต่างๆ พร้อมปลุกจิตสำนึกช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกัน

นอกจากนั้นยังได้จัดแคมเปญ “ZERO BAG ZERO WASTE” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ให้ชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้ร่วมกัน “ลด ละ เลิก” การใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดขยะพลาสติกที่ย่อยสลายยาก พร้อมรณรงค์การใช้ “ถุงผ้ารีไซเคิล” เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติก ลดโลกร้อน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น โดยจัดทำถุงผ้า รุ่น “Limited Recycled Cloth Bag” เพื่อจัดจำหน่ายให้นักช้อปและผู้ที่สนใจ โดยรายได้ทั้งหมดจากการจัดจำหน่ายจะมอบให้กับหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลต่อไป

เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า “การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องนึงที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ มาโดยตลอด และสำหรับปัญหาคลองปากบาง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดน้ำเสียโดยตรง แต่ก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำเสียของเทศบาลเมืองป่าตอง จากระยะทาง 3 กิโลเมตรของคลองปากบาง เป็นคลองดินธรรมชาติ ที่มีการสะสมตะกอนดินที่สกปรกมาเป็นเวลายาวนาน”

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองป่าตองได้ทยอยขุดลอกตะกอนดินเป็นช่วงๆ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำพร้อมกันครั้งเดียวตลอดทั้งคลองได้ ซึ่งจะเห็นว่าเวลามีฝนตกลงมามากๆ โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนักหรือช่วงมรสุม น้ำฝนจะนำตะกอนดินและขยะที่ปะปนอยู่ในคลองปากบางไหลลงสู่ทะเล ทำให้เกิดปัญหาน้ำเสีย ทีสีดำ ส่งกลิ่นเหม็น ไหลลงทะเลหาดป่าตอง

การติดตั้งทุ่นตาข่ายดักขยะนี้ ถือว่ามีประโยชน์และมีความจำเป็นอย่างมาก โดยการติดตั้งให้ได้ผลดีทุ่นตาข่ายจำเป็นต้องติดตั้งถึง 3 จุดหลักๆ ด้วยขนาดตาข่ายที่ต่างกัน คือ ติดตั้งตาข่ายขนาดใหญ่ไว้บริเวณต้นคลอง เพื่อดักขยะชิ้นใหญ่ในชั้นแรก, ติดตั้งตาข่ายขนาดกลางบริเวณกลางคลองเพื่อดักขยะขนาดเล็กลงมาอีกชั้น และตาข่ายขนาดเล็กบริเวณก่อนถึงชายหาดเพื่อกรองขยะขนาดเล็กก่อนจะออกไปสู่ทะเลขั้นสุดท้าย

“สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ทางเทศบาลรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ภาคเอกชนในพื้นที่ อย่างศูนย์การค้าจังซีลอน ได้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยสนับสนุน ร่วมกับชุมชนประมงพื้นบ้านคลองปากบาง เพื่อช่วยกันดูแลบ้านของเราให้สวยงาม สะอาดตา สมกับที่เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอยากที่จะมาครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อการก้าวไปสู่การพัฒนาป่าตองยั่งยืนควบคู่เศรษฐกิจเติบโต”

ด้านตัวแทนชุมชนประมงพื้นบ้านคลองปากบาง “บังไหว” สุรชาติ เล็มและ ผู้นำชุมชน นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และจิตอาสาผู้เป็นกำลังสำคัญของชุมชนประมงพื้นบ้านคลองปากบาง ที่คอยดูแลรักษาความสะอาดบริเวณคลองปากบาง และบริเวณชายหาดอย่างจริงจังมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า

“การได้ดูแลรักษาความสะอาดคลองปากบางและบริเวณชายหาดของผม ก็เหมือนการได้ดูแลบ้านช่องให้สะอาดสวยงาม คอยปัดกวาดเช็ดถู เวลาใครมาบ้านเรา ชมว่าบ้านเราสวย เราก็รู้สึกภาคภูมิใจ ซึ่งตลอดเวลาการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของผม ผมเก็บขยะทุกวัน เพราะขยะมันมีให้เก็บทุกวัน นั้นหมายความว่าคนยังคงทิ้งขยะกันทุกวัน และหากมีแต่คนทิ้งไม่มีคนเก็บ แล้วธรรมชาติจะหลงเหลือความสวยงามให้เราได้ชื่นชมและภาคภูมิใจได้อย่างไรกัน”

เรียกได้ว่ากิจกรรมเพื่อสังคมในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยจุดประกายให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวหันมาใส่ใจ และเริ่มต้นดูแลอนุรักษ์และช่วยกันรักษาท้องทะเลของเมืองไทยให้สวยงาม และยั่งยืนต่อไป ไม่ต้องรอให้ถึงวันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือวันทะเลโลก แต่พวกเราทุกคนสามารถช่วยกันได้ทุกๆ วัน