“BGIC” จับมือ “Genexine” เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ไทยสู่ระดับโลก
03 Oct 2019

“BGIC” ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพของไทย จับมือร่วมทุน “Genexine” บริษัทยักษ์ใหญ่ไบโอเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ รุกอุตสาหกรรมยาสมัยใหม่ เดินหน้าพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์

มารุต บูรณะเศรษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BGIC) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เกี่ยวกับชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical) และอื่นๆ เปิดเผยว่า BGIC เล็งเห็นโอกาสและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมการผลิตยาด้วยเทคโนโลยีชีวภาพประเทศไทย ซึ่งจะนำประเทศก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ จึงได้มีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมมือกันสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชภัณฑ์ พร้อมผลักดันให้เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งของประเทศ รวมถึงเตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพ “BGIC” ให้เป็นศูนย์กลางอำนวยในการให้บริการด้านเทคโนโลยีชีวภาพต่างๆ

“ไม่ว่าจะเป็นบริการจัดการงานวิจัย และสิทธิบัตรงานวิจัย (License–in & License-out Management) บริษัทจัดสร้างและหรือปรับปรุงโครงสร้าง การปฏิบัติงาน ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อประกอบ ธุรกิจผลิตชีวภาพตามมาตรฐาน รวมถึงบริการพัฒนาธุรกิจใหม่ ที่ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อเสริมสร้างรากฐาน อุตสาหกรรมยาในประเทศให้แข็งแกร่งในอนาคต”

สำหรับภาพรวมตลาดยาแผนปัจจุบันทั่วโลกในปี 2561 พบว่ามีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท เติบโต 6.5% โดยยาที่มีการเติบโตสูง และกำลังเป็นที่นิยมคือยาชีวภาพ มีอัตราการเติบโต 13% ขณะที่ในเอเชียมีการเติบโตถึง 19% สูงกว่าอัตราการเติบโตโดยรวมของโลก ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนภาพรวมของตลาดของประเทศไทย มีมูลค่าราว 1.8 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 6.5% โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดยาที่เป็นเคมีสังเคราะห์ประมาณ 70% ส่วนยาชีวภาพแม้ปัจจุบันจะมีสัดส่วนเพียง 30% แต่กลับเติบโตสูงถึง 16-19% และมีแนวโน้มว่าจะมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 5 – 10 ปีนับจากนี้ และคาดว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ ด้วยงานวิจัยภายในประเทศได้เองในอนาคตอันใกล้ 

ทั้งนี้ “BGIC” ยังทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อบรรลุเป้าหมายการยกระดับอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical Industry) ของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ให้เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย

โดยยาชีวภาพจะเป็นยาแห่งโลกอนาคตที่ถูกพัฒนาให้เป็นยาที่เรียกว่า “Supergenerics” กล่าวคือสามารถเห็นผลรักษาในระยะเวลารวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการรักษาที่มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต่อสู้กับเชื้อที่ดื้อยาได้ดีกว่าเดิม และสามารถตอบโจทย์สังคม ผู้สูงอายุในอนาคต โดยการการออกแบบยาชีววัตถุให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุอีกด้วย

“เราเชื่อมั่นว่า การร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อประเทศในการเชื่อมโยงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาค การศึกษาทั้งในและต่างประเทศโดยสร้างให้เป็นระบบนิเวศที่เกื้อกูลกันทำให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมมีความคล่องตัวและมีการ บริหาร จัดการแบบมืออาชีพที่เน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วน และนำพาประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ของโลกนี้” มารุตกล่าว

ล่าสุดได้มีการเซ็นต์สัญญาร่วมทุน Joint Venture ระหว่าง “KinGen Holdings” (KGH) (บริษัทในกลุ่มของ BGIC) และ “Genexine Inc” โดยถือหุ้นบริษัทละ 50% เพื่อลงทุนใน “KinGen BioTech” (KGBio) ซึ่งเป็นโรงงานรับจ้างผลิตยาชีววัตถุและวางระบบที่เกี่ยวข้องกับ การผลิตยาชีววัตถุ ด้วยมูลค่าการลงทุน 8 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

โดย KGBio ประมาณการรายได้ในปี 2562 - 2569 อยู่ที่ราว 220 - 250 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ จากนั้นจะมีการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทเพื่อพัฒนาวิจัยยาชีววัตถุภายใต้ชื่อ “KinGen Laboratory” (KGLab) โดยภายในปี 2570 มีเป้าหมายผลิตยาชีววัตถุใหม่ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก, ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง, ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น คาดมูลค่าตลาด มากกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในปี 2570

ทั้งนี้ โรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ หรือ National Biopharmaceutical Facility (NBF) ซึ่งก่อตั้งร่วมกันเมื่อปี 2557 โดย มจธ. และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย NBF ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) วิทยาเขตบางขุนเทียน ดำเนินงานในรูปแบบของการรับจ้าง บริหารจัดการ กระบวนการผลิตชีววัตถุ เปิดให้บริการแก่องค์กร หน่วยงาน และผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ

โดยแบ่งการให้บริการเป็น 3 ส่วน

  1. การบริการด้านการวิจัยและพัฒนา การออกแบบกระบวนการผลิต การขยายขนาดทั้งในกระบวนการผลิตต้นน้ำและปลายน้ำ รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพ
  2. การบริการผลิตยาชีวภาพที่สามารถผลิตยาชีวภาพที่เป็นโปรตีน โดยใช้กระบวนการวิศวกรรมชีวภาพชั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีการเลี้ยงจุลินทรีย์เป็นเซลล์ต้นแบบในการผลิต รวมถึงการผลิตยา วัคซีน และสารชีวภาพมูลค่าสูง เพื่อใช้รักษาโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงชนิดอื่น
  3. การบริการฝึกอบรม และให้คำปรึกษาแนะนำในส่วนของการผลิตการตรวจสอบคุณภาพระบบสนันสนุน และระบบเอกสารตามมาตรฐาน GMP

ส่วน Genexine Inc. เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกจากประเทศเกาหลีใต้มีมูลค่าบริษัทราว 1.2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี 2542 เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดและโรคที่พบได้ยาก (Orphan Disease) พร้อมที่จะนำองค์ความรู้ที่ล้ำค่า และถ่ายทอดความเชี่ยวชาญในการผลิตยาชีววัตถุในแบบมาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยสู่ประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัท Genexine ได้จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเกาหลีตั้งแต่ปี 2552

มารุต กล่าวปิดท้ายว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพนับวันจะเติบโตและมีมูลค่าที่สูงมากขึ้นในต่างประเทศ เพราะเป็นที่ยอมรับทั้งจากแพทย์ผู้รักษาและผู้ป่วยว่า ชีวเภสัชภัณฑ์มีคุณสมบัติในการรักษาโรคร้ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ยาที่มาจากเคมีสังเคราะห์ ดังจะเห็นได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์ยา 20 อันดับแรกในตลาดยาทั่วโลกในปี 2561 เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนเป็นชีวเภสัชภัณฑ์แล้วถึง 13 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นแนวโน้มที่จะเห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้

ทั้งยังสอดรับกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม การแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ตามกรอบการพัฒนาประเทศไทย 4.0 ที่ส่วนหนึ่งคือการสนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยและผลิตชีวเภสัชภัณฑ์อีกด้วย

[อ่าน 2,287]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Louis Vuitton x Real Madrid กลยุทธ์ครองใจผู้บริโภค ด้วยความหรูที่ "สวมใส่ได้"
Huawei พลิกเกม! เปิดตัวแล็ปท็อปที่ใช้ HarmonyOS ท้าชนยักษ์ใหญ่ แม้ถูกจำกัดชิปก็ตาม
15 เรื่องเด่น Google I/O 2025 เมื่อ AI กำลังจะพลิกโฉมโลก!
ไทยยืนยันปลอดโรคแอนแทรกซ์ในโค หลังลาวยกเลิกคำสั่งปิดด่าน เปิดทางส่งออกสัตว์มีชีวิตตามปกติ
รถยนต์ไฟฟ้าของ Cadillac กำลังดึงดูดลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าของ Tesla ด้วย
The Sims เปิดตัว Plumbob Headbands ที่สามารถเรืองแสงได้เหมือนซิมส์ของคุณ!
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved