กรุงศรี หั่นเป้า GDP ปีนี้โตแค่ 2.9% เชื่อ Q4 กระเตื้องจากมาตรการกระตุ้น
22 Oct 2019

 

สัญญาณเศรษฐกิจไทยย่ำแย่นั้นชัดเจนมากๆ ล่าสุด ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP เป็นรอบที่ 3 จาก 3.2% เป็น 2.9% จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนและสงครามการค้าระหว่างอเมริกาและจีนที่นับวันทวีความรุนแรงและมีแผนที่จะเก็บภาษีเพิ่มเติม แม้จะอยู่ในระหว่างการเจรจาทางการค้า ขณะที่ความเชื่อมั่นในประเทศลดลง

ทั้งนี้ ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจทำให้ GDP ไม่สามารถเติบโตได้ตามคาด อาทิ กรณีเศรษฐกิจจีนชะลอการเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ หรือ แม้แต่การใช้นโยบายการเงินได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรก็อาจทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้

 

 

สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้บริหารสายงานวิจัย และหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

"การส่งออกถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญและมีสัดส่วนถึงกว่า 50% ของ GDP นั้นอยู่ในช่วงขาลงโดยช่วงครึ่งแรกของปีส่งออกไทยลดลง 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกกว่า 87% ของอุตสาหกรรมทั้งหมดเติบโตลดลง ซึ่งการหดตัวดังกล่าวส่งผลกระทบกับบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติและบริษัทไทย โดยส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์ ส่วนผลกระทบปานกลาง อาทิ กลุ่มยานยนต์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังส่งผลเชิงลบกับการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบถึง 80% ของแรงงานทั้งหมด โดยแรงงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท/เดือน ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากๆ"

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงการเติบโตและส่วนแบ่งของการส่งออก (Share of GDP) ปี 2561 ของ 5 ประเทศหลักในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ พบว่า ประเทศระดับ Top 3 ที่มีศักยภาพ Share of GDP และมีอัตราการเติบโตช่วงครึ่งแรกของปีนี้ดีที่สุด คือ

  • เวียดนามติดอันดับดีที่สุดที่ 105.4% (+5.9%)
  • รองลงมา คือ มาเลเซีย 57.6% (+4.5 %) และไทย 50.2%  (-2.9%)
  • ขณะที่อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์มีสัดส่วนการเติบโตน้อยที่สุดอยู่ที่ 18.3% (-8.7%), 18.2% ตามลำดับ

สมประวิณ เชื่อว่า "แม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงขาลงแต่เชื่อว่า เศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อีกทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยลงโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กบง.) ที่มีการลดดอกเบี้ยมาแล้ว 1 ครั้งก่อนหน้านี้และคาดว่า กบง.จะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ รวมทั้งการทะยอยออกมาตรการต่างๆ จากกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้เชื่อได้ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในครั้งนี้จะไม่ย่ำแย่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา แต่จะเป็นเพียงการชะลอลงแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะมีการเคลื่อนไหวผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมา"

สำหรับการโจมตีแหล่งน้ำมันในซาอุดิอาระเบียนั้น สมประวิณมองว่า "ไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงกับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากซัพพลายมีมากแต่ความต้องการใช้ลดลง ทั้งนี้ คาดว่า ซาอุดิอาระเบียจะกลับมาผลิตน้ำมันได้เป็นปกติในที่สุด ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับตลาดประเทศไทยอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่น่าจะมีผลกระทบกับภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากขณะนี้เงินเฟ้อของไทยก็อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว"

"สิ่งที่น่าจะกังวลมากกว่ากลับเป็นประเด็นที่คนไทยมีกำลังซื้อลดลงจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่า รวมทั้งประเด็นปัญหาการจ้างงานซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต้นน้ำ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวกับการส่งออก ได้แก่ อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ (-10.1%) เคมีภัณฑ์ (-9.8%) อุตสาหกรรมรถยนต์ (-6.1%) เครื่องจักร (- 4.9%)  ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้เมื่อได้รับผลกระทบก็จะส่งผลต่อเนื่องถึงผู้ประกอบการโดยตรง อีกทั้งส่งผลกระทบต่อเนื่องในวงกว้างด้วย

 

ส่วนปัญหาการว่างงานคงจะไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากเพราะคนไทยเป็นนายจ้างของตนเองก็มาก สิ่งที่เราต้องดูคือ เรื่องรายได้ ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงานโดยเป็นแบบพาร์ทไทม์มากขึ้น หรืออาจจะจ้างงานในอัตราค่าแรงขั้นต่ำและให้แรงจูงใจด้วยการนับเวลาทำงานเป็นชั่วโมง ฉะนั้น ปัจจัยสำคัญของการจ้างงานที่จะต้องพิจารณา คือ แรงงานเหล่านี้ทำงานด้วยจำนวนชั่วโมงที่ลดลงหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อเม็ดเงินที่เป็นรายได้ของแรงงานและส่งผลต่อเนื่องถึงกำลังซื้อ รวมทั้งผลกระทบต่อไปเรื่อยๆ ถึงความสามารถของการบริโภคต่อไปในที่สุด" สมประวิณ กล่าว

 

การส่งออกของไทยหดตัว 3%ในครึ่งปีแรก โดยมีสัดส่วนถึง 87% ของภาคการส่งออกทั้งหมด อุตสาหกรรมที่ตกต่ำมากที่สุดคืออุเหมืองแร่ (-28.3%) ส่วนอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตในแดนบวก คือ ภาคการเกษตร (+3.7%) ผลิตภัณฑ์ยางพาราและพลาสติก (+5.6%) อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่โลหะ (+9.2%) โลหะ (+29.9%)

[อ่าน 2,125]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
CEO กสิกรไทย ได้รับเลือกจาก Fortune เป็นผู้นำหญิงทรงอิทธิพลแห่งเอเชีย 2 ปีซ้อน และเป็นผู้นำหญิงที่ทรงอิทธิพลสูงสุดอันดับ 1 ของไทย
ทรูชวน “ทิ้งถูกที่ ดีต่อใจ” จับมือพันธมิตรขยายเส้นทางรับ E-Waste แลกรับสิทธิพิเศษ 8 แบรนด์ดัง
FWD ประกันชีวิต สร้างโอกาสการศึกษา ลดเหลื่อมล้ำ สานอนาคตเยาวชนผ่านศูนย์ฝึกพิมาลี
EVEANDBOY จัดใหญ่เปิดสาขาใหม่ ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “The Unseen Expert, Unwavering Love”
เตรียมเปิดตัว!! HONOR X7d Series ถึก ทน คุ้ม พร้อมฟีเจอร์ AI ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved