บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ลงนามสัญญาการใช้สิทธิในผลงานวิจัยเรื่อง สูตรนาโนอีมัลชั่นที่บรรจุแอลฟาแมงโกสตินจากเปลือกมังคุด กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อัษฎา เทพยศ ประธานบริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมพิธีลงนามสัญญาการใช้สิทธิในผลงานวิจัยเรื่อง “สูตรนาโนอีมัลชั่นที่บรรจุแอลฟาแมงโกสตินจากเปลือกมังคุด”
ซึ่งสัญญาการใช้สิทธิผลงานวิจัยนั้นเกิดจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยรองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอัษฎา เทพยศ ประธานบริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ลงนามในสัญญาการใช้สิทธิผลงานวิจัยระหว่างสองสถาบัน
ภายในงานพิธีลงนามสัญญาการใช้สิทธิในผลงานวิจัยนั้นได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร. อาณัติ ลีมัคเดช ผู้อำนวยการศูนย์ทรัพย์สินทางปัญญาและบ่มเพาะวิสาหกิจ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงศ์ในพิธีลงนามสัญญาการใช้สิทธิงานวิจัยครั้งนี้
การร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นการนำผลงานวิจัยจากภาคการศึกษาไปสู่การต่อยอดในอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ นับว่าเป็นการพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีทางชีวภาพในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ
ทั้งนี้ ผลงานวิจัยเรื่อง “สูตรนาโนอีมัลชั่นที่บรรจุแอลฟาแมงโกสตินจากเปลือกมังคุด” เป็นการต่อยอดนวัตกรรม “สารแซนโทนบริสุทธิ์” (Purified Xanthone) ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ในงาน Silicon Valley International Invention Festival 2018 รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์แอคนอค (Acnoc)
หลังจากที่สารแซนโทนบริสุทธิ์ (Purified Xanthone) ได้รับรางวัลดังกล่าวในปี 2561 บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการพัฒนาสารสกัดนี้ ด้วยเทคโนโลยีนาโนอีมัลชั่น จนได้พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์ “แอคนอค ออลไฮบริด เอสเซนส์” (Acnoc All Hybrid Essence) ภายใต้แบรนด์ “แอคนอค” (Acnoc)
ผลิตภัณฑ์ “แอคนอค ออลไฮบริด เอสเซนส์” จึงเป็นต้นแบบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำผลงานวิจัยของประเทศไทยมาพัฒนาต่อยอดในอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ
ผลิตภัณฑ์นี้จึงกล่าวได้ว่าเป็นการต่อยอดผลงานวิจัยจาก 2 สถาบันการศึกษาของประเทศไทย จากการพัฒนาสารสกัดหยาบจากมังคุดด้วยเทคโนโลยีการสกัดสารบริสุทธิ์ที่เป็นผลงานวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนได้เป็นสารสกัดที่เรียกว่าสารแซนโทนบริสุทธิ์ และนำมาวิจัยพัฒนาต่อด้วยเทคโนโลยีนาโนอีมัลชั่นได้สำเร็จจากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กลายเป็นสารสำคัญแซนโทนบริสุทธิ์ในรูปแบบ “นาโนอีมัลชั่น” (Purified Xanthone Nano Emulsion) ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุในการเกิดสิว ลดเลือนอาการอักเสบและระคายเคืองของผิว ยับยั้งไทโรซิเนส และต่อต้านอนุมูลอิสระ
และด้วยรูปแบบนาโนอีมัลชั่นทำให้การออกฤทธิ์ต่อผิวของสารแซนโทนบริสุทธิ์ (Purified Xanthone) มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นสารสำคัญที่ได้รับรองจากการผลงานวิจัย อีกทั้งยังได้รับความพึงพอใจอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคจริงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ แอคนอค ออลไฮบริด เอสเซนส์ ที่พัฒนามาจากงานวิจัยชิ้นนี้
การลงนามข้อตกลงครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับและการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของประเทศไทย ที่สามารถพัฒนาสารสกัดสำคัญจากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับระดับสากลได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้นด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีภายในประเทศ
และยังทำให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางลดการนำเข้าสารสกัดสำคัญจากต่างประเทศในการบริโภคในอุตสาหกรรมนี้ อีกทั้งยังสามารถส่งออกสารสกัดสำคัญนี้ในอุตสหกรรมเครื่องสำอางในระดับนานาชาติได้เช่นกัน