โตเอะ ประเทศญี่ปุ่นส่ง มาสค์ ไรเดอร์ (Masked Rider) ลง 3 แพลตฟอร์มพร้อมกัน เวลาเดียวกัน นอกเหนือจากทีวี เผยตั้งใจใช้เป็นกรณีศึกษา เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับประเทศอื่นๆ เพราะเทรนด์การเสพคอนเทนต์ของไทยเปลี่ยนแปลงเร็วและก้าวหน้าไปมาก
ชินอิจิโร่ ชิราคุระ โปรดิวเซอร์ จากซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ บริษัท โตเอะ คอมปานี จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น), บุตสึดะ อิโรชิ ผู้กำกับสเปเชียลเอฟเฟค จากซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ บริษัท โทคุซัตสึ แล็บ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) และ กฤษณ์ สกุลพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด ร่วมกันแถลงถึงทิศทางการทำตลาดคอนเทนต์เรื่อง มาสค์ไรเดอร์ ในประเทศไทยว่า
"ตลาดประเทศไทยนั้นถือว่ามีศักยภาพที่น่าสนใจ โดยเฉพาะช่องทางการเสพคอนเทนต์ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากกว่าจีน, ญี่ปุ่นและอเมริกา
ดังนั้น ทางโตเอะจึงสนใจเข้าทดสอบตลาดประเทศไทย โดยการบรอดคาสท์ในเวลาเดียวกันทั้งบน YouTube ผ่านช่อง Dex Club, LINE TV และบน FLIXER ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของตนเองที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก นอกเหนือจากการออกอากาศทางโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD (ช่อง 30), ช่อง One (ช่อง 31) และหากการทดสอบตลาดคอนเทนต์ในประเทศไทยประสบความสำเร็จก็จะถือเป็นกรณีศึกษา เพื่อนำไปใช้กับประเทศอื่นๆ ซึ่งคาดการณ์ว่า ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็น่าจะเกิดขึ้นในจีน, ญี่ปุ่นและอเมริกาด้วยเช่นกัน
การบรอดคาสท์บนสามแพลตฟอร์มสำหรับตลาดประเทศไทยนั้นก็มีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นคือ แม้บรอดคาสท์พร้อมกันแต่กลับไม่ได้แข่งขันกันเองอีกทั้งมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน กล่าวคือ
จากการที่บรอดคาสท์บนแพลตฟอร์มแตกต่างกันนี้ ทำให้ทั้ง โตเอะ และเด็กซ์ ต้องคัดเลือกคอนเทนต์เพื่อบรอดคาสท์ให้เหมาะสมกับช่องทางนั้นๆ ด้วย ซึ่งช่องทางต่างๆ เหล่านี้ก็มีข้อดีมากกว่าทีวี ที่สำคัญการมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ทำให้เห็นภาพตลาดประเทศไทยชัดเจน และมองว่า ทั้งโตเอะ - บันได (Bandai) - เด็กซ์จะต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น ต้อง 'คิดใหม่ ทำใหม่' เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนดิสทริบิวเตอร์ได้ร่วมกันเดินแผนรุกตลาดได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตามจากการทำตลาดของเด็กซ์ก็พบว่า ทำการตลาดได้ดี และแตกต่างจากประเทศอื่น เนื่องจากเด็กซ์ทำการตลาดทั้งกับเด็ก และผู้ปกครอง จึงทำให้เป็นการทำตลาดกับทั้งครอบครัว
นอกจากนี้ ยังได้เล็งเห็นแล้วว่า ตลาดไทยจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีช่องทางเติบโตได้มากกว่าประเทศอื่นๆ อีกทั้งมีแฟนพันธุ์แท้เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย รองลงมาคือฮ่องกง และไต้หวัน ตามลำดับ แต่สำหรับรายได้แล้ว Top 3 มีการสลับตำแหน่งกันดังนี้คือ ฮ่องกง, ไต้หวัน และไทย อันเป็นผลจากค่าครองชีพและพฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะการบริโภคสินค้า Merchandize ซึ่งฮ่องกงมีพฤติกรรมซื้อของเล่นมานานและซื้อสินค้าด้วยมูลค่าที่สูงกว่าตลาดของประเทศไทยที่ผู้บริโภคก็ซื้อสินค้า Merchandize เช่นกัน แต่ซื้อด้วยมูลค่าต่อชิ้นที่ต่ำกว่าในเซเว่น-อีเลฟเว่น
ส่วนโครงสร้างรายได้ของประเทศไทยนั้นมาจาก 1) ค่ามีเดียโฆษณา 2) จากการขายสินค้า Merchandize เช่น เสื้อผ้า ของเล่น ซึ่งมีทั้งผลิตเองในประเทศและนำเข้า 3) จากการขายไลเซนส์ให้กับผู้สนใจที่ต้องการนำตัวคาแรกเตอร์ไปใช้กับสินค้าหรือบริการต่างๆ เช่น บัตรเครดิต โดยมีสัดส่วนรายได้ 20:40:40 ตามลำดับ"
สำหรับความแตกต่างของคอนเทนต์ มาสค์ไรเดอร์ 'ยุคเรวะ' กับ 'ยุคเฮย์เซย์' ได้รับการเปิดเผยว่า
"คอนเทนต์ระหว่างสองยุคนี้มีจุดเชื่อมโยง คือ ผู้ชมในทุกยุคต่างก็ใช้ชีวิตในช่วงเวลาเดียวกันและพบกับเหตุการณ์เดียวกัน ดังนั้น คอนเทนท์จึงเป็นการผลิตภายใต้สภาพแวดล้อมนั้นๆ
แต่ถ้าจะให้แบ่งแยกชัดเจนสองยุค คือ ยุคเฮย์เซย์ ผู้คนในยุคนี้จะพบทั้งสงครามเวียดนาม การระเบิดตึกเวิลด์เทรด การต่อสู้ของคนในยุคนี้คือการต่อสู้กับผู้ก่อการรร้าย ขณะที่คนที่เกิดในยุคเรวะจะได้รับอิทธิพลจากอเมริกันและจีน เพราะเป็นสองขั้วอำนาจที่มีอิทธิพลกับญี่ปุ่น
ฉะนั้น คนในยุคนี้จะพบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากกว่าคนในยุคเฮย์เซย์ ทิศทางของคอนเทนต์ก็จะเป็นแนวที่ผสมผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรมลงไปด้วย
ส่วนแผนปีหน้าก็มีแผนที่จะฉายภาพยนตร์ในประเทศไทยให้ได้ครบ จากแผนการผลิตภาพยนตร์ที่โตเอะผลิตภาพยนตร์ปีละ 3 เรื่อง"
มาสค์ไรเดอร์ หรือ คาเมนไรเดอร์ (仮面ライダ) เป็นชื่อละครชุด โทคุซัทสึซึ่งสร้างสรรค์จากความคิดของ โชทาโร่ อิชิโนะโมริและโตเอะในญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม และมีการสร้างอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1971 ต้นสิงหาคมที่ผ่านมา โตเอะ เปิดตัว Kamen Rider Zi-O ไรเดอร์คนใหม่ประจำปี 2018-2019 อย่างเป็นทางการ จากปกติจะเปิดตัวในช่วงเดือนแปด แต่ไรเดอร์ใหม่ครั้งนี้พิเศษตรงที่เป็น ‘ไรเดอร์คนสุดท้ายของยุคเฮย์เซย์’ อันเนื่องมาจากจะมีการเปลี่ยนแปลงรัชศก