'เคทีซี' เผยแผนกลยุทธ์จากนี้จะมุ่งสร้างแพลทฟอร์มการเงินหลักที่เป็นเลิศ ก้าวสู่การเป็น 'องค์กรคล่องตัว' (Agile Organism) หรือองค์กรที่มีชีวิต ไม่หยุดนิ่ง พัฒนา ปรับตัว และเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อให้เท่าทันสภาวการณ์ภายนอก และตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่ง
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัลที่รวดเร็วได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจ และวิถีชีวิตของผู้คนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งลักษณะความต้องการของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างมาก เคทีซีจึงต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอัตราเร่ง เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“นับจากนี้ เคทีซีจะมุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตด้วยวิสัยทัศน์ใหม่สู่การเป็นแพลทฟอร์มการเงินหลักที่อยู่เคียงข้างสังคมไทยและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ด้วย 2 แพลทฟอร์มคือ “แพลทฟอร์มการชำระเงิน” และ “แพลทฟอร์มสินเชื่อรายย่อย” ที่มุ่งเน้น 3 จุดแข็งหลักคือ ปลอดภัย -รวดเร็ว - สร้างประสบการณ์ที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิกและคนไทย รองรับการขยายธุรกิจใหม่เข้าไปในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพิ่มเติมจากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่มีอยู่ ซึ่งจะทำให้เคทีซีสามารถนำเสนอสินเชื่อให้กับผู้บริโภคได้หลากหลายและครบวงจร ทั้ง “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน”, “พิโกพลัส” (สินเชื่ออเนกประสงค์ที่ให้กับรายย่อยระดับจังหวัด)” และธุรกิจ “นาโนไฟแนนซ์” (สินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือผู้มีรายได้ไม่แน่นอน) ซึ่งทยอยเปิดให้บริการแล้ว และคาดว่าทั้ง 3 ธุรกิจใหม่นี้ จะสามารถเริ่มรับรู้กำไรได้ประมาณ 18-24 เดือน นับตั้งแต่วันที่ดำเนินธุรกิจจริง”
นอกจากนี้ จะเห็นเคทีซีปรับตัวครั้งใหญ่สู่การเป็น องค์กรคล่องตัว (Agile Organism) หรือ องค์กรที่มีชีวิต เพื่อให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจให้ตรงและเท่าทันกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า ตั้งแต่การเปลี่ยนแนวคิดการทำงานแบบเดิมๆ ที่เหมือนเครื่องจักรไปสู่การทำงานแบบใหม่ที่มีโครงสร้างองค์กรชัดเจน ยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วผ่าน 5 องค์ประกอบหลัก คือ
พิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจบัตรเครดิต 'เคทีซี' กล่าวว่า
ถึงแม้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีสามารถเติบโตได้ถึง 10% หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาทและคาดว่า สิ้นปี 2019 จะสามารถรักษาสัดส่วนการเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยรวมได้ที่ประมาณ 10%
“สำหรับปี 2020 แนวคิดการทำตลาดบัตรเครดิตเคทีซีที่กำหนดไว้คือ “Everyone, Everyday, and Everywhere” ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรที่สมาชิกเลือกใช้ทุกวันและทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์หรือการใช้จ่ายที่ร้านค้าในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม นอกจากการมุ่งเน้นความคุ้มค่าผ่านคะแนน KTC FOREVER แล้ว เคทีซีจะให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับสมาชิก ทั้งสร้างความมั่นใจ ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บัตร รวมถึงการสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิก โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละรายสำหรับการนำเสนอสิ่งที่สมาชิกบัตรชื่นชอบ รวมทั้งจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยควบคู่ไปกับความรู้และประสบการณ์ของทีมการตลาด เพื่อสรรสร้างสิ่งที่แตกต่าง
ทั้งนี้ เคทีซีจะยังคงให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายพันธมิตรร้านค้าให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของสมาชิกมากที่สุด อีกทั้งจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของช่องทางการสื่อสารมากขึ้น เพื่อให้สมาชิกบัตรได้รับทราบข้อมูลที่ตรงใจ มีประโยชน์ และไม่พลาดโปรโมชั่นดีๆ จากเรา”
พิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้อำนวยการ – ธุรกิจสินเชื่อบุคคล 'เคทีซี' กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ธุรกิจสินเชื่อบุคคลในปี 2020 คือ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะเพิ่มปริมาณสินเชื่อพร้อมกับการสร้างคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นใน 4 แกนหลัก คือ
ปิยศักดิ์ เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส - ช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้า 'เคทีซี' กล่าวว่า
กลยุทธ์การขยายฐานสมาชิกในปี 2020 น่าจะเป็นความท้าทายและสร้างโอกาสที่ดีให้กับเคทีซี ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีความหลากหลายและครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถนำเสนอทางเลือกของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ารายย่อยได้อย่างครอบคลุม โดยตั้งเป้าหมายสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 3.5 แสนใบและบัตรกดเงินสด 'เคทีซี พราว' 2.1 แสนใบ รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม ซึ่งประกอบด้วย สินเชื่อทะเบียนรถยนต์, สินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และสินเชื่อเงินสด
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของเคทีซีจะยังเป็นพนักงานที่มีรายได้ประจำตั้งแต่ 3 หมื่นบาทขึ้นไป โดยจะมุ่งเน้นช่องทางการรับสมัครผ่านทางออนไลน์มากขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิกทุกรายที่สนใจสมัครผลิตภัณฑ์เคทีซี ส่วนช่องทางหลักในการสรรหาสมาชิกสินเชื่อผ่านธนาคารกรุงไทยและผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซีอิสระ (Outsource Sales) จะเน้นการเพิ่มจำนวนและศักยภาพตัวแทนขายให้สูงขึ้น ซึ่งเคทีซีให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทางการขายที่มีคุณภาพมาโดยตลอด เพื่อให้มั่นใจได้ว่า นอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องชัดเจนแล้วจะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิกต่อไป
“สำหรับกลยุทธ์การขยายพันธมิตรร้านค้าในปี 2020 จะมุ่งนำเสนอบริการรับชำระที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของร้านค้าในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดการผ่อนชำระ KTC FLEXI ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการขยายฐานร้านค้าในกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะร้านค้าอาลีเพย์ (Alipay) ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรองรับการจับจ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยและกลุ่มชาวจีนที่พักอาศัยในไทย รวมทั้งจะนำเสนอ Payment Solutions ใหม่ๆ เพื่อรุกเข้าธุรกิจร้านค้าออนไลน์ โดยเน้นความปลอดภัยในการทำธุรกรรมที่ได้มาตรฐานสากลและความสะดวกรวดเร็วเป็นสำคัญ รองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ e-Commerce และ Social Commerce รวมถึงพัฒนาการให้บริการและนวัตกรรมการรับชำระใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจร้านค้าเปลี่ยนมารับชำระด้วยบัตรเครดิตแทนการรับชำระด้วยเงินสดแบบเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสด นอกจากนี้ บริษัทยังจะเดินหน้าความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เพื่อต่อยอดการขยายโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับ เคทีซีอีกทางหนึ่ง”
ชุติเดช ชยุติ ซีเอฟโอ 'เคทีซี' กล่าวว่า บริษัทยังคงมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยคาดว่า สิ้นปี 2019 จะสามารถทำกำไรได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่เคยเปิดเผยไว้ ด้วยฐานสมาชิกบัตรที่มากขึ้น พอร์ตลูกหนี้มีคุณภาพ และการควบคุมต้นทุนการเงินที่ดี
“สำหรับกลยุทธ์การบริหารเงินของเคทีซีในปี 2020 บริษัทฯ จะมุ่งประกอบธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการหาต้นทุนที่ต่ำและเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังรักษาระดับทรงตัวไว้เช่นนี้ เคทีซีจึงมีแผนจะระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาว 5-10 ปี เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและรองรับการขยายตัวของธุรกิจใหม่อีกประมาณ 1.1หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีต้นทุนเงินอยู่ที่ประมาน 3.09% ทั้งนี้ วงเงินสำหรับออกหุ้นกู้ที่เคยขอผู้ถือหุ้นไว้เมื่อปี 2017 คงเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2020 เคทีซีจึงมีแผนที่จะขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพิ่มวงเงินอีก 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมพร้อมรับมือกับมาตรฐานการรายงานการเงินสากล (International Financial Reporting Standards: IFRS9) ที่กำลังจะนำมาใช้ โดยมีการตั้งสำรองเงินไว้แล้วในปริมาณที่มากพอและสำรองส่วนที่เกินอยู่จะเก็บไว้เป็นสำรองต่อไป ทั้งนี้ ก่อนจะมีการประกาศงบการเงินในไตรมาส1/2020 บริษัทจะจัดประชุมร่วมกับนักวิเคราะห์ เพื่ออธิบายความต่างและจะแสดงรายงานตัวเลขตามงบการเงินเดิมเปรียบเทียบไว้ในบทวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการเกี่ยวกับการดำเนินงานและฐานะการเงิน (Management Discussion and Analysis: MD&A)”
ข้อมูล เคทีซี ณ วันที่ 30 กันยายน 2562