ไทยขึ้นนำ 3 ประเทศในอาเซียน หันมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายในการดำเนินธุรกิจ
06 Dec 2019

บีเอสเอ | พันธมิตรซอฟต์แวร์ (บีเอสเอ) รายงานว่าประเทศไทยขึ้นเป็นผู้นำของภูมิภาคสำหรับผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมในแคมเปญรณรงค์ที่บีเอสเอจัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายในระดับองค์กรให้หมดไป

ตั้งแต่เริ่มต้นแคมเปญจนถึงตอนนี้ ปรากฎว่าประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายสูงสุด เมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ต้องขอบคุณการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้นำองค์กรของไทย

นอกจากนี้ บีเอสเอยังรายงานว่าเกือบ 400 องค์กรใน 11 จังหวัดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมาย จังหวัดที่มีการเปลี่ยนมาให้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายมากที่สุด ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร, สมุทปราการ, นนทบุรี และชลบุรี

ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวจะสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์ และบีเอสเอจะแจ้งผลการดำเนินงานสำหรับประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่เข้าร่วมแคมเปญให้ทราบ ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่ที่ทำการเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายคือ โรงงานผลิต บริษัทด้านวิศวกรรม และบริษัทด้านการออกแบบอุตสาหกรรม

“แคมเปญนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีในประเทศไทย เพราะองค์กรธุรกิจตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมาย และเป็นการดีกว่าหากองค์กรธุรกิจมีการดำเนินการเชิงรุกในวันนี้ ดีกว่ารอให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และปัญหาทางกฎหมาย” ดรุณ ซอว์เนย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บีเอสเอ I พันธมิตรซอฟต์แวร์ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าว

“เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำให้องค์กรธุรกิจเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าซีอีโอในประเทศไทยตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อการใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายเป็นอย่างดี และยังมีการดำเนินการในเชิงรุกที่ดีกว่าในบางประเทศ”

ทั้งนี้ โครงการ Legalize and Protect ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของบีเอสเอที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ซีอีโอทั้งหลายเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางโลกไซเบอร์

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บีเอสเอได้เปิดตัวแคมเปญ Clean Up to the Countdown เพื่อชักชวนและกระตุ้นให้เหล่าซีอีโอตรวจสอบและทำให้แน่ใจว่าองค์กรของตนเองใช้แต่ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายเท่านั้นก่อนจะถึงปี 2563 โครงการดังกล่าวมีการเปิดตัวใน 4 ประเทศหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบไปด้วย ประเทศไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

จนถึงตอนนี้ องค์กรธุรกิจมากกว่า 1,000 แห่งได้ทำการจัดซื้อซอฟต์แวร์โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการทำให้สินทรัพย์ซอฟต์แวร์ที่ใช้นั้นถูกต้องตามกฎหมายและลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเผชิญ โดยบรรดาซีอีโอในอาเซียนได้อนุมัติการจัดซื้อซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 6,000 เครื่อง ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ บีเอสเอยังระบุว่า องค์กรธุรกิจในเวียดนามและอินโดนีเซียยังคงตามหลังประเทศอื่นๆ ในการปรับเปลี่ยนมาใช้สินทรัพย์ซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ที่อินโดนีเซียได้มีองค์กรธรุกิจแห่งหนึ่งทำการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายจำนวนหลายพันเครื่อง ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของแคมเปญนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานต่อแคมเปญขององค์กรธุรกิจในอินโดนีเซียยังถือว่าไม่ดีพอและยังคงเสี่ยงต่อการใช้งานซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย

บีเอสเอคาดว่าระดับการใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน เพื่อเป็นการปกป้องตนเองจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ในอนาคต องค์กรธุรกิจสามารถนำแนวทางการปฎิบัติที่ดีด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ซอฟต์แวร์ (SAM) มาใช้เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยี

การใช้ซอฟต์แวร์ถูกกฎหมายอย่างครบถ้วนยังช่วยองค์กรธุรกิจป้องกันความเสียหายจากการถูกโจมตีด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดการหยุดทำงานของเครื่อง รวมการจัดการสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (License) ไว้ที่จุดเดียว แม้กระทั่งช่วยลดค่าใช้จ่ายเพราะปัจจุบันนี้มีการใช้งานในรูปแบบการสมัครสมาชิกที่มีสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

ดรุณให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในภูมิภาคอาเซียน เพื่อบังคับใช้กฎหมายกับองค์กรธุรกิจทุกแห่งที่ยังคงละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ โดยบีเอสเอได้พยายามให้ความรู้แก่ซีอีโอและผู้นำธุรกิจระดับสูงเกี่ยวกับความเสี่ยงของการใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายและวิธีที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขานั้นขาวสะอาดและถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย

“เราพอใจกับความคืบหน้าของการดำเนินงานในปีนี้ แต่ยังมีซีอีโอบางรายจะปรับเปลี่ยนการใช้งานซอฟต์แวร์ในองค์กรของตนให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ต่อเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างจริงจังจากเจ้าหน้าตำรวจ ดังนั้นเราจะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เป็นหน่วยงานรัฐอย่างจริงจัง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับซีอีโอของบริษัทที่ไม่ยอมปฎิบัติตามกฎหมายต่อไป” ดรุณกล่าวปิดท้าย

[อ่าน 1,216]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลุยส์คาเฟ่ ปลุกกระแสแบรนด์เนมตื่น เอนเกจพุ่ง 950 % หลังเปิดตัวเพียงครึ่งเดือน
สัญญาณดีๆ ของปี 2023 มีส่งต่อปี 2024 ไหม
TikTok ร่วมพัฒนาอนาคตแห่งความบันเทิงและการค้าในปี 2567
ถอดรหัสเทรนด์ การชำระเงิน ในเอเชียแปซิฟิกปี 2567
ข้อมูลอโกด้าชี้ นักท่องเที่ยวไทยตื่นเที่ยวจีนหลังการยกเลิกวีซ่าไทย-จีนถาวร
การรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร และ ข้อดีของโคเวิร์กกิ้งสเปซ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved