ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่มีแนวโน้มตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า และบริการที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงทัศนคติการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้โลกสวยด้วยไลฟ์สไตล์รักษ์โลกของตนเอง
ส่งผลให้ทุกธุรกิจเผชิญความท้าทาย และต้องเร่งปรับกลยุทธ์การตลาด ให้เท่าทันเทรนด์รักษ์โลกของกลุ่มผู้บริโภคโลกสวยในยุคปัจจุบัน
จากข้อมูลงานวิจัยการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภค จัดทำโดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,252 คน พบว่าผู้บริโภคจำนวน 74% มีทัศนคติที่ให้ความสำคัญ และใส่ใจต่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ และปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น
อาทิ การใช้ผลิตภัณฑ์อีโค่แบรนด์ การลดการใช้ถุงพลาสติก การพกแก้ว หลอดไปที่ร้านอาหารเอง เป็นต้น อีกทั้งมีผู้บริโภคจำนวนถึง 37.6% ที่เป็นสายกรีนตัวแม่ ที่พร้อมจะใช้จ่ายเงินไปกับสินค้า และบริการเพื่อสิ่งแวดล้อม
พิมพ์ลดา ธารินทร์ภิรมย์ Project Leader งานวิจัย Voice of Green เพื่อโลกเพื่อเรา ผู้ทำวิจัย กล่าวว่า ในประเทศไทยมีการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นเวลายาวนานแต่ยังไม่เกิดผลในเชิงประจักษ์ เนื่องจากมักมีการรณรงค์เป็นช่วงเป็นสั้นๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดเป็นกระแส
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 มีแนวโน้มที่เทรนด์รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมจะกลับมาเป็นที่สนใจเพิ่มขึ้น จากนโยบายงดแจกถุงพลาสติกในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้รับเสียงสะท้อนจากภาคประชาชน และผู้ประกอบการที่หลากหลาย เป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่นักการตลาดจะเร่งดึงกลยุทธ์การทำการตลาดโลกสวยที่น่าสนใจออกมาสอดรับกับนโยบายดังกล่าว
อาทิ การสร้างแรงจูงใจจากส่วนลด ของแถม ให้แก่ผู้บริโภคที่นำถุงผ้า หรือบรรจุภัณฑ์มาเอง เพื่อส่งเสริมแนวคิดการใช้ซ้ำ เป็นต้น การดึงกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ และเข้ากับกระแสจะทำให้แบรนด์สามารถคว้าโอกาสให้กับธุรกิจท่ามกลางกระแสที่ผู้บริโภคโลกสวยกำลังตื่นตัวได้อย่างแน่นอน
โดยจากผลการวิจัยสามารถจัดกลุ่มผู้บริโภคได้ 4 ประเภท แบ่งเป็น
ขณะเดียวกันผลวิจัยยังระบุอีกว่า ผู้บริโภคที่อายุมาก โดยเฉพาะคนกลุ่ม Baby boomer (อายุ 55-73 ปี) มีแนวโน้มเป็นสายกรีนตัวแม่สูงสุด ตามมาด้วยผู้บริโภคกลุ่ม Gen X (อายุ 39-54 ปี) Gen Y (อายุ 23-38 ปี) และ Gen Z (อายุต่ำกว่า 23 ปี) ตามลำดับ
เนื่องจากยิ่งผู้บริโภคที่มีอายุมาก จะยิ่งมีความพร้อมทางด้านรายได้ และมีความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ดีจากข้อมูลดังกล่าวสามารถจำแนกเป็นกลุ่มผู้บริโภคเพื่อโลก ได้แก่ สายกรีนตัวแม่ สายกรีนตามกระแส สายสะดวกกรีน รวมถึง 74% ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมเพื่อการบริโภคโลกสวยได้ ซึ่งเป็นโอกาสของนักการตลาดที่จะสร้างสรรค์สินค้า บริการ และแคมเปญ เพื่อเข้าถึงความต้องการดังกล่าว
โดยกลยุทธ์การทำการตลาดโลกสวย ที่จะช่วยทำให้กลุ่มผู้บริโภคสายโนกรีน และสายสะดวกกรีน ตระหนักถึงการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ได้แก่ กลยุทธ์ “เอ็นไว” (ENVI Strategy) ประกอบด้วย
1. ปลูกฝังจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ (E: Early) สำหรับผู้บริโภคกลุ่มในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ยังไม่ค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ภาครัฐ และองค์กรธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับการปลูกฝังเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ผู้บริโภคในกลุ่มนี้
2. ปัญหาสิ่งแวดล้อมควรแก้ไขทันที (N: Now or Never) เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้บริโภคที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อย นักการตลาดจึงควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ
3. สื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง (V: Viral) นักการตลาดควรใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง และแพร่หลาย (viral)
4.ใช้นวัตกรรมในการผลิตเพื่อสิ่งแวดล้อม (I: Innovative) การดึงนวัตกรรมมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ การใช้วัตถุดิบสำหรับอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติอนุรักษ์มากขึ้น การใช้ระบบดิจิทัลในการผลิต เป็นต้น
เหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้แบรนด์สามารถเข้าหาผู้บริโภตในวันที่กระแสรักสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่สนใจมากๆ ได้