The Forestias by MQDC ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวคิดสร้างเมืองคู่ป่าเล็งเห็นโอกาสช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ผู้ตกงาน หรือผู้ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ด้วยการจับมือกับชุมชนผ่าน มูลนิธิพุทธรักษา และเครือข่ายผู้ให้ The Givers Network โดยได้รับการสนับสนุนจาก กรมป่าไม้ ทำหน้าที่ให้ความรู้วิชาการ แนะนำเครือข่ายชุมชนเพาะกล้าจำหน่าย โดยจะเปิดตัวโครงการนำร่องแห่งแรกที่ วัดทุ่งเหียง จังหวัดชลบุรี

คีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า

"โครงการ The Forestias by MQDC มีแนวคิดที่มุ่งเน้นให้คนเห็นความสำคัญของการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอยู่แล้ว จึงได้จัดโครงการ 'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต' เพื่อเข้าช่วยเหลือบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับชุมชนประมาณ 1,000 ครอบครัว โดยการนำกล้าไม้ไปให้ครอบครัวที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายตามที่กำหนดจากชุมชน เพื่อนำไปดูแลอนุบาลให้เติบโตขึ้นเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยโครงการจะแบ่งเป็น 2  เฟส เฟสแรกจะปลูกกล้าไม้ 6 แสนต้น และผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจำนวน 500 ครอบครัว เฟสสองกล้าไม้จำนวน 6 แสนต้น และผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ จำนวน 500 ครอบครัว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรงบสนับสนุน 25 ล้านบาท  โดยจะช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาทและแบ่งจ่ายเป็น 3 งวด รวม 15,000  บาท"

คีรินทร์ กล่าวว่า "การสนับสนุนครั้งนี้เม็ดเงินจะถึงชาวบ้านทุกภาคส่วน โดยกล้าไม้ที่ใช้ในโครงการนี้จำนวน 1.2 ล้านต้น  ซื้อมาจากชุมชนที่เป็นเครือข่ายเพาะกล้าของทางกรมป่าไม้ ซึ่งทำการเพาะกล้าเพื่อจำหน่ายเป็นการสร้างรายได้ทำให้ชุมชนเพาะกล้าเหล่านั้นได้รับเม็ดเงินค่ากล้าไม้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย สำหรับกล้าไม้ที่ได้จะถูกนำไปแจกจ่ายให้กับหน่วยงานราชการ เช่น กองสาธารณะ กรุงเทพมหานคร สำหรับสร้างเสริมพื้นที่สีเขียวหรือนำไปร่วมโครงการแจกกล้าไม้คนเมืองบางส่วนนำมาใช้กับโครงการ The Forestias เพื่อแจกจ่ายประชาชนทั่วไป หรือชุมชนที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว"

กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ The Forestias by MQDC บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า

“โครงการนี้เป็นอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกของโลกที่มนุษย์เราสามารถอยู่อาศัยได้จริงท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบธรรมชาติที่เราจะมีต้นไม้ สัตว์ อาศัยอยู่รวมกันภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของคนทุกรุ่นทุกวัย สำหรับการเปิดโครงการ Forest For Life สร้างป่า สร้างชีวิตในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ขยายแนวคิดในการสร้างพื้นที่สีเขียวนี้ออกไปสู่สาธารณะมากขึ้น ต้นไม้จากโครงการนี้บางส่วน จะนำมาปลูกต่อไปในป่าของโครงการ   The Forestias by MQDC ที่บางนากิโลเมตรที่ 7 ซึ่งถือว่าเป็นป่าที่แท้จริงใจกลางเมือง ทั้งนี้ เราอยากให้ทุกคนในชุมชนร่วมกันส่งต่อขยายผลให้ออกไปในวงกว้างให้มากที่สุด เพราะหากชุมชนมองเห็นโอกาสจากการสร้างป่า สร้างชีวิตแล้ว"     

ขณะที่ ดร.วิทย์ สุนทรนันท์  รองประธานมูลนิธิพุทธรักษา กล่าวว่า “การสรรหาและคัดเลือกชุมชนที่จะเข้าร่วมกับโครงการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากข้อจำกัดด้านการขนส่งกล้าไม้ โดยได้พิจารณความช่วยเหลือกับชุมชนที่มีสมาชิกที่จะผ่านตามหลักเกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 20 ครัวเรือน โดยจะพิจารณาจากชุมชนที่เดือดร้อนที่สุดก่อน สมาชิกของชุมชนมาในลักษณะครัวเรือนโดยแต่ละครัวเรือนที่สมัครและจะผ่านการคัดเลือกต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติโควิดและไม่มีสมาชิกในครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการของรัฐบาลแล้ว เพื่อเป็นการแบ่งเบาบรรเทาทุกข์ให้ทั่วถึง นอกจากนี้ ครัวเรือนที่สมัครจะต้องมีพื้นที่เพื่อวางกล้าไม้อย่างน้อย 20 ตร.ม. หรือถ้าจะจัดหาที่ส่วนกลางเช่น วัด โรงเรียน ทางโครงการจะช่วยเหลือค่าน้ำตามสมควรให้กับที่สาธารณะที่ให้พื้นที่กับโครงการนี้"

สำหรับกล้าไม้ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมป่าไม้ อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า

"กรมฯ ได้แนะนำชุมชนที่มีอาชีพเพาะกล้าไม้เพื่อจำหน่าย เพื่อให้โครงการนี้ซื้อกล้าไม้โดยตรงจากชุมชนเหล่านั้น โดยกรมฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลกล้าไม้มาช่วยแนะนำวิธีการดูแล ทั้งนี้ ในปัจจุบันการเพาะกล้าไม้ได้กลายเป็นหนึ่งอาชีพที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงกล้าไม้สร้างรายได้ จากการที่ผู้ที่ปลูกไม้มีค่าในพื้นที่ของตนเองสามารถปลูกและตัดขายได้ภายใต้ พ.ร.บ. ป่าไม้ ปี 2562 ทำให้กล้าไม้โดยเฉพาะไม้มีค่าพวก ไม้สัก ไม้ยาง ไม้พะยูง ได้รับความนิยมมากขึ้น"

'Forest for Life สร้างป่าสร้างชีวิต’ ทำโครงการนำร่องแห่งแรกที่พื้นที่ของวัดทุ่งเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี  พระครูศรวิชัย มหาวีโร รองเจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง ตัวแทนชุมชนวัดทุ่งเหียง กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านปากท้องของชุมชนในเบื้องต้น และชุมชนได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีดูแลกล้าไม้จากทางกรมป่าไม้ ในอนาคตหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นชุมชนก็จะได้มีความรู้ความชำนาญในอาชีพ จนอาจจะยึดเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว นอกจากนี้ ทางวัดก็ดีใจที่ได้เห็นความร่วมมือระหว่างชุมชนกับวัด โดยทางวัดได้เปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้มาใช้ในการดูแลกล้าไม้เป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ที่เดือดร้อน"