มาตรการผ่อนคลายรอบสองทำให้หลายฝ่ายเกรง 'การ์ดตก' การจับมือเพื่อร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ระหว่าง เอสซีจี กับ จังหวัดนนทบุรี และ สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี (สสจ.นนทบุรี) ด้วยการนำโมบายแอปพลิเคชัน ONLINE CLINIC (ออนไลน์ คลินิก) ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับคัดกรองและดูแลรักษาคนไข้โควิด-19 ผ่านทางออนไลน์มาใช้กับเครือข่ายโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 8 แห่งในจังหวัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ของผู้เข้ารับการตรวจและบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างขั้นตอนการวินิจฉัยและรักษาโรคโดยไม่จำเป็น อีกทั้งช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้เร็วและทั่วถึงมากขึ้น รวมถึงเป็นการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับการดูแลและติดตามอาการของคนไข้จนรักษาหายขาด
ก่อนหน้านี้ เอสซีจี ได้พัฒนาและส่งมอบนวัตกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อใช้ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 สำหรับการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ สำหรับโครงการความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นโครงการต่อยอดเพื่อช่วยแบ่งเบาภารกิจของบุคลากรทางการแพทย์และลดความเสี่ยงของประชาชนทั่วไป โดยมี สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และ น.พ.พนัส โสภณพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ร่วมลงนามกับ วชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี
สุจินต์ กล่าวถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นของผู้ใช้บริการโรงพยาบาลว่า "ผู้ที่มาตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่โรงพยาบาลอาจต้องมาเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่จำเป็น ดังนั้นทางจังหวัดนนทบุรี และ สสจ. นนทบุรี จึงริเริ่มทำโครงการเพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ด้วยหวังมุ่งลดความเสี่ยงให้กับประชาชนที่เข้ารับการตรวจ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน"
ขณะที่ นพ.พนัส กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมให้กับโรงพยาบาลในสังกัด สสจ.นนทบุรี รวมถึงประชาชนในพื้นที่ว่า “การนำออนไลน์แอปพลิเคชันเข้ามาช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความรวดเร็วของการใช้บริการครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเข้ารับบริการทางการแพทย์ รวมทั้งวิธีการดูแลและรับมือคนไข้ของโรงพยาบาลด้วย ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้เร็วและทั่วถึงมากขึ้น อีกทั้งช่วยให้โรงพยาบาลสามารถติดตามดูแลคนไข้ได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย”
ขณะที่ วชิระชัย กล่าวถึงที่มาของแนวคิดการพัฒนาโมบายแอปพลิเคชัน ONLINE CLINIC (ออนไลน์ คลินิก) ว่า
"เอสซีจีมองที่กระบวนการไหล (Flow) ของการให้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาล พร้อมทั้งหา Insight และ Journey ของผู้ที่รู้สึกหรือคิดว่าตนเองอาจจะติดเชื้อและต้องการตรวจและกลุ่มผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะมีกระบวนการคล้ายๆกัน นั่น คือ การเข้ามารับที่โรงพยาบาลเพื่อทำการคัดกรอง ตรวจ และติดตามผล ดังนั้นถ้าสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อต่อยอด และแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนสามารถลดความเสี่ยงของประชาชนย่อมจะเป็นผลดีอย่างแน่นอนนี่จึงทำให้ เอสซีจี พัฒนาแอปพลิเคชัน ONLINE CLINIC
โดยผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอป แล้วเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่สงสัยว่าตนอาจจะติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ด้วยการทำแบบประเมินตนเอง รวมถึงสามารถพูดคุยกับแพทย์หรือพยาบาลเพื่อประเมินความเสี่ยงผ่านวิดีโอคอลและจองคิวเพื่อเข้ารับการตรวจ หากตรวจแล้วพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง ก็จะมีการเชื่อมต่อการรักษาตัวกับโรงพยาบาลใกล้บ้านที่เลือกรับบริการได้ทันที โดยจะเริ่มต้นสำหรับโรงพยาบาลในสังกัดของสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี 8 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลปากเกร็ด โรงพยาบาลบางกรวย โรงพยาบาลบางบัวทอง โรงพยาบาลบางบัวทอง 2 โรงพยาบาลบางใหญ่ โรงพยาบาลไทรน้อย และศูนย์บริการการแพทย์นนทบุรี”
วชิระชัย กล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่สนใจจะนำแอปพลิเคชัน ONLINE CLINIC ไปใช้ในการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-586-2888 แต่ทั้งนี้ ทางเอสซีจีจะดูความพร้อมของโรงพยาบาลเป็นหลัก และขณะนี้ก็มีโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ บางแห่งที่ใช้ ONLINE CLINIC ของเอสซีจีแล้ว การจะติดต่อเพื่อนำแอปพลิเคชันนี้ไปใช้นั้นจะเป็นโรงพยาบาลเดี่ยวๆ ก็ได้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลอย่างในครั้งนี้ ทาง เอสซีจี ก็ยินดีที่จะมอบแอปพลิเคชันนี้ให้ใช้ เพื่อลดความเสี่ยงของประชาชนและบุคลากรทางแพทย์ และเพื่อการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจจะกลับมาระบาดในรอบที่สองได้ในอนาคตหลังจากที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดเมื่อวันนที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา