สมาคมผู้ค้าปลีกเสนอ 4 แนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ
19 May 2020

 

บรรยากาศธุรกิจของประเทศไทยเริ่มคึกคักอีกครั้งเมื่อรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการในรอบที่สอง ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ในฐานะตัวแทนสมาคมฯ พร้อมด้วย คมสัน ขวัญใจธัญญา รักษาการประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และผู้บริหารระดับสูงจากห้างค้าปลีกและศูนย์การค้าชั้นนำของไทยเข้าร่วมประชุมหารือ อาทิ ญนน์ โภคทรัพย์, วัลยา จิราธิวัฒน์, ศุภลักษณ์ อัมพุช, คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล, วิภาดา ดวงรัตน์, พิทยา เจียรวิสิฐกุล, สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ฯลฯ ได้ร่วมกันนำเสนอปัญหาและข้อเสนอแนะแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจในอีก 8-24 เดือน เพื่อให้ประเทศชาติฟื้นคืนสู่ภาวะปกติกับ  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมายังสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และก้าวสู่การเติบโตตามยุทธศาสตร์ประเทศไทย 20 ปี เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าถือเป็นกลุ่มหนึ่งในภาคธุรกิจสำคัญที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งมีแรงงานในภาคธุรกิจค้าปลีกและแรงงานที่เกี่ยวเนื่องเป็นจำนวนมากเศรษฐกิจของจริงเห็น Q2

 

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยระบุว่า  ดัชนีค้าปลีกที่เห็นกันในช่วง Q1/63 ว่าลดลงกว่า 3-7% นั้นยังไม่ใช่ของจริง เนื่องจากตัวเลขที่จะสะท้อนสภาพความจริงมากขึ้นนั้นจะสะท้อนให้เห็นได้ใน Q2/63 และคาดว่าจะดำดิ่งติดลบมากถึง  20 – 50% และในไตรมาส 2 นี้ก็จะได้เห็นว่า แต่ละประเภทธุรกิจนั้นเติบโตอย่างไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อาทิ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกในย่านเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ รวมถึงร้านค้าปลีกแฟชั่น เครื่องหนัง เครื่องสำอาง ฯลฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่เมื่อมาตรการผ่อนคลายความเข้มข้นก็คาดว่าธุรกิจค้าปลีกน่าจะเริ่มทรงตัว แต่การเติบโตก็ยังคงไม่เหมือนเดิม โดยคาดว่ายังคงติดลบมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2562  

 

สมาคมฯ คาดว่า ธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาจุดเดิมนั้นคงต้องใช้เวลาประมาณ 8-24 เดือน หลังจากที่สถานการณ์วิกฤติโควิด -19 ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า ธุรกิจนั้นๆ เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวมากหรือน้อยอย่างไร

 

เสนอนโยบายสมาคมฯ ฟื้นฟู ศก.

1. การจ้างงาน วิกฤติครั้งนี้แม้จะสร้างผลกระทบต่อแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ  โดยเฉพาะภาคบริการ ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สมาชิกสมาคมฯ และศูนย์การค้า รวมถึงเครือข่ายภาคีค้าปลีกต่างจังหวัดแต่ก็ยังมีมติให้คงการจ้างงานที่มีอยู่ 1.1 ล้านคน และจะไม่มีการเลิกจ้างแต่อย่างใด

2. การสร้างงาน สมาชิกสมาคมฯ ที่ดำเนินธุรกิจกว่า 100 ศูนย์การค้า รวมทั้งพื้นที่การค้าในไฮเปอร์มาร์เก็ตอีกกว่า 350 สาขาจะจัดสรรพื้นที่ให้กลุ่มอาชีพอิสระและแรงงานพาร์ทไทม์มาจำหน่ายสินค้าฟรี  ซึ่งสมาคมฯ เชื่อว่า จะสามารถสร้างงานเพิ่มขึ้นอีก 1.2 แสนอัตรา

3. เพิ่มรายได้ สมาชิกของสมาคมฯ จะเพิ่มการซื้อผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นเป็น 3 หมื่นล้านบาทต่อปีจากเดิมที่ซื้อปีละ 1.8 หมื่นล้านบาท/ปี

4. ลดภาระค่าครองชีพ สมาชิกสมาคมฯ และเครือข่ายค้าปลีกต่างจังหวัดกว่า 57 แห่งเห็นพ้องเพื่อร่วมตรึงราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนกว่า 5 หมื่นรายการตลอดปี

 

ผลกระทบโควิด – 19 กับธุรกิจค้าปลีก

ผลกระทบโควิด – 19 ต่อเศรษฐกิจโลกแตกต่างกว่าวิกฤตเศรษฐกิจอื่นๆ วิกฤติโควิด – 19 เป็นการหยุดชะงักอย่างฉับพลัน (Sudden Stop) ของเศรษฐกิจทั่วโลก จากปัญหาโรคระบาดที่ทำให้เศรษฐกิจช็อค ทั้งด้านอุปทานผ่านการเจ็บป่วยของผู้คนและมาตรการควบคุมโรค เช่น การปิดเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิต ขนส่งและจำหน่ายสินค้า ส่วนด้านอุปสงค์ก็สะท้อนผ่านรายได้ที่ลดลง ความหวาดกลัวต่อการติดโรค และความเชื่อมั่นที่ลดลงกับอนาคตที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะผลกระทบที่มีต่อธุรกิจค้าปลีกที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากการล็อคดาวน์ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานที่บันเทิงพักผ่อนคลายร้อน ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ ส่งผลให้ทั้งธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจบริการหยุดชะงักส่งผลทำให้ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน ก็ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกรกว่า 4 แสนราย ซึ่งเป็นห่วงโซ่ก็ขาดรายได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงหนี้สินทางธุรกิจ นอกจากนี้ ก็ยังมีภาวะการว่างงานและการจ้างงานไม่เต็มอัตราอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า น่าจะมีกว่า 3-5 ล้านคน ดังนั้น สมาคมฯ จึงประเมินว่า ธุรกิจน่าจะฟื้นคืนกลับมาสู่จุดเดิมต้องใช้เวลา 18-24 เดือน"

 

ข้อเสนอ 4 มาตรการฟื้นฟู ศก.

1. การอนุมัติซอฟต์โลนผ่านแพลตฟอร์มค้าปลีก เพิ่มสภาพคล่องแก่วิสาหกิจ เอสเอ็มอี และเกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องใหม่ของหลายคน แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ตรงเป้าและเกิดประสิทธิภาพที่สุด เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกเปรียบเสมือนแพลตฟอร์มใหญ่ที่เชื่อมต่อผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย เกษตรกร สู่ผู้บริโภค การพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการกว่า 4 แสนราย

2. ช่วยเหลือค่าครองชีพแก่แรงงานภาคค้าปลีกและบริการ

  • ผ่านระบบประกันสังคม โดยเสนอให้ขยายมาตรการเยียวยาในระบบประกันสังคมให้ยังได้รับความช่วยเหลือตามสิทธิประกันสังคมต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี  2563
  • ผ่อนผันให้มีการจ้างงานเป็นรายชั่วโมงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อแรงงานมีความยืดหยุ่นในการเพิ่มรายได้

 3. กระตุ้นแคมเปญการจับจ่ายและการบริโภค

  • เสนอให้นำโครงการ “ช้อป ช่วย ชาติ” กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถช้อปได้ทุกสินค้า โดยมีวงเงิน 5 หมื่นบาท ตั้งแต่เมิถุนายน - ธันวาคม
  • ผลักดันโครงการ “ไทยเที่ยวไทย ไทยช้อปไทย” เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

4.  มาตรการช่วยลดต้นทุน และเสริมสภาพคล่องธุรกิจค้าปลีก

  • พิจารณาเลื่อนการจ่ายภาษีนิติบุคคลในงวดครึ่งหลังของปี 2562
  • พิจารณาลดภาษีนิติบุคคลจาก  20% เป็น  10% เป็นเวลา 3 ปี
  • พิจารณายกเว้นภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ประจำปี 2563 - 2564
  • พิจารณาให้นำงบการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการยกระดับสาธารณสุข เพื่อให้อาคารสถานที่ปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด - 19 มาเป็นค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 3 เท่า
  •  พิจารณาปรับลดเงินสมทบประกันสังคมในส่วนนายจ้างจาก 4% เป็น 1% ตั้งแต่เมษายนจนถึงธันวาคม 2563
  • พิจารณาลดอัตราค่าสาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปาลงอย่างน้อย 15% จากอัตราปกติเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี
  • พิจารณาให้นำงบการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการลงทุนเพื่อสร้าง Digital Infrastructure เพื่อสร้างระบบนิเวศสู่ Work from Home และ  e-Commerce ตามนโยบาย Thailand 4.0 มาเป็นค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 3 เท่า

 

[อ่าน 1,809]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอ็ม ดิสทริค ปักหมุดพิกัดหลักฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจในความหลากหลาย
เสนาเดินหน้ามาตรฐานใหม่ อบรม “SENA Quality Check” เติมเต็มคุณภาพแบบญี่ปุ่น
แอกซ่าประกันภัย มุ่งสานต่อมรดกทางวัฒนธรรม ร่วมสนับสนุน งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 27
เปิดตัว HONOR 400 Series สมาร์ตโฟนเรือธงเริ่มต้นแห่งยุค AI
โก โฮลเซลล์ หนุนเกษตรกร จ.ลำปาง ดันสับปะรดกระจายทุกสาขา ช่วยปัญหาล้นตลาด
MJets คว้าสุดยอดผู้ให้บริการ FBO ประจำภูมิภาคเอเชีย 

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved