เผยกลยุทธ์เจาะนักท่องเที่ยวจีน จาก 14 กูรูไทย-เทศ
26 Jul 2020

เปิดเวทีเสวนาออนไลน์ “The Rising of Chinese Tourist Forum” ในหัวข้อ The Rebound of Chinese Travelers, The Reborn of Thai Economy  ภายใต้ความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)(ทีเส็บ) , ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, บริษัท เอวี โปรเจคท์ จำกัด , บริษัท ดิจิลิ้งก์  (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฟูลริช พับบลิค จำกัด ผ่านพ้นไปแล้วโดยมีผู้ประกอบการธุรกิจด้านท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก สินค้าและบริการเข้าร่วมรับฟังกว่า 1 หมื่นราย

ทั้งนี้ พิพัฒน์  รัชกิจประการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมกล่าวถึงนโยบายของภาครัฐในการคลายล็อกเฟส 6 ว่า มาตรการคลายล็อกเฟส 6 ของรัฐ เปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเมืองไทยได้ใน 4 กลุ่ม ได้แก่

  • กลุ่มที่เข้ามาจัดแสดงสินค้า ประชุม นิทรรศการ หรืออุตสาหกรรมไมซ์ในไทย 
  • กลุ่มที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ 
  • กลุ่มที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาล หรือ เมดิคัล เวลเนส
  • กลุ่มไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกราว 10,000 คน แบ่งเป็นคนไทย 3,000 คน และต่างชาติ 7,000 คน โดยชาวต่างชาติทุกกลุ่มที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ อาทิ การกักตัว 14 วัน  , การท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนด เป็นต้น

“ในปี 2562 นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยราว 11 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งภาครัฐเองให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมให้เดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งวันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนมั่นใจด้านความปลอดภัยได้ เพราะไทยมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety & Healthy Administration (SHA)  ที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นทั้งในสินค้าและบริการต่างๆ”

สันติ  แสวงเจริญ  รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวภายใต้หัวข้อ  Wha : อะไร.. คือโอกาสที่กำลังกลับมาพร้อมนักท่องเที่ยวชาวจีน และอะไรคือมาตรการรับมือการท่องเที่ยวยุค New Normal ในประเทศไทยว่า วันนี้ททท. มีสำนักงานอยู่ในจีนรวม 5 แห่ง มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน โดยทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้  กวางโจว  เฉินตู  และคุณหมิง ครอบคลุมทุกภาคของประเทศจีน

อย่างไรก็ดี พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 หรือวิถี New Normal พบว่า

  • การใช้ชีวิต การท่องเที่ยวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
  • กลุ่มผู้สูงวัยและเด็ก จะลดการท่องเที่ยวลงเพราะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง
  • รูปแบบการท่องเที่ยวจะถูกควบคุมทุกอย่าง 
  • รูปแบบการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป กลุ่มเล็กลง จากเดิมที่เป็นกลุ่มทัวร์ จะเปลี่ยนเป็นกลุ่ม FIT  (Free Independent Traveler) ระยะเวลาในการเดินทางจะเน้นระยะสั้น  และเลือกท่องเที่ยวในรูปแบบของเฮลท์ ทัวริสต์ซึม เป็นต้น

ขณะที่แผนการดำเนินงานของททท. จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

1. Rebrand  สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวกลับมาได้อย่างสบายใจ การสร้างให้เป็น Top of Mind  ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นก็ส่งเสริมและกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเกาหลี และเวียดนามที่หันมาจับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้นด้วย

2. Rebound  เน้นการทำกิจกรรมต่างๆ ในกลุ่ม Millennial ที่มีอายุ 24-39 ปี ทั้งกลุ่มคนทำงาน  ผู้หญิง  ครอบครัวรุ่นใหม่  กลุ่มแต่งงานใหม่ มีการกำลังซื้อแข็งแรง  ซึ่งมีจำนวนราว 400 ล้านคน อีกกลุ่มได้แก่ กลุ่มนิช  หรือกลุ่มเฉพาะได้แก่

  • กลุ่ม เฮลท์ แอนด์ เวลเนส ที่เดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ และดูแลสุขภาพ อาทิ โรงพยาบาล , สปา ฯลฯ
  • กลุ่มสปอร์ต ทัวริสซึม เช่น กอล์ฟ มาราธอน มวยไทย
  • กลุ่มลักชัวรี ปัจจุบันชาวจีนมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากและเป็นกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก
  • กลุ่มโรแมนซ์ ชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวพร้อมฮันนีมูน  , พรีเวดดิ้ง ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำโมบาย แอพพลิเคชั่น , เว็บไซต์ เป็นภาษาจีน  , การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียล มีเดีย อาทิ Wechat ,  Weibo  , TikTok  ฯลฯ ,  การทำ KOL Influence จีน  , การใช้ Mobile Payment  , การสื่อสารภาษา จีน และการพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นต้น  

ขณะที่ จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงาน ส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (ทีเส็บ)  กล่าวในหัวข้อ What : อะไร...คือแนวทางในการปรับตัวของ MICE Tourism และ แนวโน้มของอุตสาหกรรมไมซ์ ที่น่าจับตามองหลังวิกฤติการณ์โควิด-19 ว่า อุตสาหกรรมไมซ์ จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาหลังวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะหลังจากที่ภาครัฐผ่อนปรนเฟส 6 ให้การจัดประชุม งานแสดงสินค้า อีเว้นท์กลับมาจัดได้อีกครั้ง

ที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทั้งในรูปแบบการประชุม (Meeting) , การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive Travel) , การประชุมนานาชาติ (Convention)  , การแสดงสินค้า/นิทรรศการ (Exhibition) , เทศกาลนานาชาติหรือเฟสติวัล (Mega Events and World Festivals)

“วันนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆ ที่มีการจัดอีเว้นท์ เช่น งานมอเตอร์โชว์ ในรูปแบบ New Normal  นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ต ซึ่งอนาคตหลังผ่อนปรนเฟส 6 และเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเป็นกลุ่มแรกที่เข้ามา ทั้งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การผจญภัย การท่องเที่ยวอินเซนทีฟ  หรือการจัดคอนเสิร์ต ซึ่งที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาจัดคอนเสิร์ต EDM จำนวนกว่า 20,000 คนมาแล้ว โดยการจัดงานไมซ์ นอกจากจะสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศแล้ว ยังช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย”

นอกจากนี้ ทีเส็บ ยังสนับสนุนให้นำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการอุตสาหกรรมไมซ์ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ (WEBINAR) , การจัดแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ (ONLINE TO OFFLINE : O2O) และการสนับสนุนคอร์สฝึกอปรมออนไลน์ E-LEARNING  ด้วย

ด้าน พรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในหัวข้อ Who: เจาะลึกพฤติกรรมหลากหลายของนักท่องเที่ยวชาวจีน ว่า จากข้อมูลของหม่า เฟิง หว่อ พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทยเป็นกลุ่มทัวร์คิดเป็นสัดส่วน 30% ส่วนอีก 70% เป็นกลุ่ม FIT  ซึ่งเป็นกลุ่มที่ความหยืดหยุ่นสูง และเป็นกลุ่มอันดับต้นๆ ที่จะเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและประเทศไทยเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวได้

ขณะที่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเปลี่ยน โดยกลุ่ม FIT จะเป็นกลุ่มเล็ก จึงต้องมีการแยกเซกเม้นท์ที่ชัดเจน ได้แก่

  • กลุ่ม Super Luxury  เดิมมีสัดส่วน 30% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกลุ่มที่มีอัตลักษณ์ มีความเป็นมินิมอล จึงต้องการความพิเศษที่แตกต่างเฉพาะบุคคล การสร้างความประทับใจจะทำให้พิชิตใจได้
  • กลุ่ม Adventurers  เป็นกลุ่มที่นิยมท่องเที่ยวในรูปแบบ Road Trip , one day trip ,  Self – driving  จึงนิยมท่องเที่ยวที่แตกต่าง มีความท้าทาย 
  • กลุ่ม Value Seeker  การท่องเที่ยวแบบ Culture , Arts   หรือเฉพาะกลุ่ม เช่น ครอบครัว ฯลฯ
  • กลุ่ม Revitalizer  กลุ่มที่มาเที่ยวเพื่อบำบัดตัวเอง เน้นพักผ่อนระยะยาว อาทิ กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ , กลุ่ม Medical travelers  , Medi-spa เป็นต้น

ภากร  กัทชลี เจ้าของเพจ “อ้ายจง” กล่าวในหัวข้อ “Why : เจาะใจนักท่องเที่ยวจีน อะไรที่ทำให้ประเทศไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในใจคนจีน” ว่า จากจุดเริ่มต้นที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในรูปแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่หลังจากที่มีการส่งออกละครไทย ซีรี่ย์ไทย ชาวจีนจึงนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น อีกทั้งการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทำให้ประเทศไทยเป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางมาต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาเมืองไทย นอกจากความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะไทย-จีนพี่น้องกันแล้ว อัธยาศัยที่ดี อาหารที่อร่อย  สินค้าที่มีคุณภาพ มีความสวยงาม ความสะดวก ความคุ้มค่ากับราคา และผลที่ได้รับที่เหนือความคาดหมาย ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมและชื่นชอบประเทศไทย และไทยจะเป็นตัวเลือกอันดับ 1 เมื่อชาวจีน ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การประชาสัมพันธ์ให้ข่าวสารข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะผ่านทางโซเชียล มีเดียถือว่ามีความสำคัญ เพราะชาวจีนเองเข้าถึงโซเชียล มีเดียในทุกรูปแบบ

รายละเอียดเพิ่มเติม www.digilinkthailand.com หรือ https://www.facebook.com/DigilinkThailand/

[อ่าน 1,172]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอสซีจี ขนกองทัพนวัตกรรมจาก 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงานสถาปนิก 67
“โยเกิร์ต - ณัฐฐชาช์ บุญประชม” อวดแฟชั่นจากแบรนด์ MISTY MYNX คอลเลกชั่นล่าสุด
เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” AIA Annual Agency Awards Presentation 2023
Coach เปิดตัว The Coach Tabby Shop ลาน PARC PARAGON
พานาโซนิค บิวตี้ ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “Panasonic nanocare EH-NA0J” เจาะตลาดไฮเอ็นด์
SCG แถลงผลประกอบการไตรมาสแรก มุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด รุกธุรกิจที่เติบโตสูง
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved