จากกระแสการตื่นตัว และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคทั่วโลกส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นการเลิกใช้ถุงพลาสติก หรือเลิกใช้หลอด เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้ “ธุรกิจพลาสติก” ต้องปรับตัวและปรับมุมคิดเพื่อตามให้ทันความต้องการของผู้บริโภค เพราะกลุ่มสินค้าพลาสติกที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่นั้น คือกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน แบรนด์สินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะถูกเลือกจากผู้บริโภคเป็นอันหนึ่ง ดังนั้น ผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าพลาสติกจำเป็นต้องทรานฟอร์เมชั่นสู่พลาสติกทางเลือกเพื่อรับเทรนด์ตลาดโลก
นายธนเดช งามธนวิทย์ นักวิเคราะห์ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล กล่าวถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนไปในการผลิตภัณฑ์พลาสติกว่า หลังจากมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 (โควิด-19) พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ทุกคนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น การเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้กลไกตลาดแบบอีโคโนมี่ แชร์ริ่ง (Economy Sharing) หยุดลงทันที เปลี่ยนเป็นการใช้สินค้าแบบซิงเกิ้ล ยูส (Single Use) ผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้ส่วนใหญ่จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้ซ้ำ ใช้แล้วทิ้ง แต่ความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคไม่ได้หมดไปด้วย การสรรหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกลับเพิ่มความต้องการที่มากขึ้น สินค้าพลาสติกทางเลือก หรือ กลุ่มไบโอ-พลาสติก จึงได้รับความนิยมค่อนข้างสูง โดยเฉพาะแพคเกจจิ้ง (Packaging) ซึ่งมีการผลิตเพื่อใช้งานในสัดส่วนร้อยละ 42 ของตลาด ถือเป็นทางเลือกที่ผู้ประกอบการหลายรายใช้ในธุรกิจ เพื่อยืนยันถึงความตั้งใจเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลก
ส่วน นางสาวสุวิชชา ทานะรมณ์ นักวิเคราะห์อาวุโส บมจ.พีทีที โกลบอล เคมีคอล ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดีไซน์ หรือการออกแบบที่หลากหลายเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ค่อนข้างมากโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่จะต้องสอดรับกับการใช้งานและความต้องการ รวมถึงความพึงพอใจของผู้บริโภค หลายคนซื้อสินค้าจากดีไซน์ จากคุณค่าและความเป็นมาของสินค้านั้นๆ เห็นได้ว่าสินค้าที่ผลิตจากวัสดุย่อยสลายได้ หรือจากวัสดุรีไซเคิล แม้จะมีมูลค่าสูงกว่าสินค้าทั่วไปในกลุ่มเดียวกัน แต่ซื้อเพราะคุณค่าทางจิตใจที่ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยพลาสติกในปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ซ้ำและแปรรูปเพื่อเป็นส่วนประกอบที่ใช้คู่กับวัสดุธรรมชาติเพื่อเพิ่มความคงทุนของการใช้งานเช่น เก้าอี้ที่ผลิตจากส่วนผสมของพลาสติกรีไซเคิลและไม้ ถูกดีไซน์ให้ออกมามีความหลากหลายและเป็นแฟชั่นมากขึ้น สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บ้าน ในโรงแรม หรือจะเป็นสินค้าใกล้ตัวอย่าง เสื้อยืด ที่ผลิตมาจากเส้นใยของขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิล นำมาผสานกับผ้าฝ้ายและออกแบบตัดเย็บให้ทันสมัย สวมใส่สบาย ไม่ต่างจากการสวมใส่เส้นด้ายจากธรรมชาติ
ในกลุ่มพลาสติกทั่วไปนั้น การดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้งานซ้ำได้ในอีกลักษณะของรูปแบบสินค้ากำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหาร มีการผลิตจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้ 100% แต่สิ่งที่สำคัญคือการดีไซน์ ทำอย่างไรให้แตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค
นอกจากภาคเอกชนที่ให้ความสำคัญเรื่องสินค้าพลาสติกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันแล้วภาครัฐเองก็มีการพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการเพื่อให้แข่งขันได้ในตลาดโลกด้วยเช่นกัน โดย นางนิศาบุษป์ วีรบุตร ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “ในปี 2562 ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มพลาสติกไลฟ์สไตล์ประมาณ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปยังตลาดสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยไทยมีจุดเด่นในเรื่องของการพัฒนาด้านปิโตรเคมีที่โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ของอาเซียน ที่ผ่านมากลุ่มสินค้าพลาสติกไลฟ์สไตล์ได้รับความท้าทายพอสมควร ไม่ว่าจะมาจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ผันผวนในตลาดโลก รวมถึงสงครามการค้าและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การแข่งขัน ค่อนข้างยากขึ้น
แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมากลุ่มสินค้าพลาสติกไลฟ์สไตล์กลับมีแนวโน้มที่ดีขึ้น กรมฯ จึงได้จัดโครงการ “BEYOND PLASTIC” เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดขยายโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศของผู้ประกอบการสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก เน้นการพัฒนาสินค้าพลาสติกเชิงลึกให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจในกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีการให้คำปรึกษาเชิงลึกเป็นรายบริษัท เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้เข้าร่วมโครงการสู่ตลาดโลกอย่างแท้จริงต่อไป”