มองหาโอกาสจากกฎระเบียบใหม่ในธุรกิจ E-Commerce อินเดีย
19 Dec 2020

 

จากการที่ประเทศอินเดียได้ปรับปรุงกฎระเบียบว่าด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) ในภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งส่งผลต่อกลไกการขับเคลื่อนแวดวงอีคอมเมิร์ซ ของอินเดีย และมีผลกระทบต่อรูปแบบโครงสร้างธุรกิจของกิจการรายใหญ่อย่าง Amazon และ Flipkart ที่มีส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดอินเดีย แต่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ขาย และผู้จัดหาสินค้าในธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมตลอดจนตลาดซื้อขายสินค้าเฉพาะทางออนไลน์แหล่งอื่นๆ

ฉะนั้นกิจการหรือผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่ต้องการเจาะตลาดค้าปลีกของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ หรือออฟไลน์ จึงควรศึกษาการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบดังกล่าว และเข้าใจถึงผลสืบเนื่องในทางปฏิบัติต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจของตน

 

ตลาดเครื่องประดับออนไลน์อินเดีย

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอัตราขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ต่อปี คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 3-5 ของมูลค่าการค้าปลีกทั้งหมดในประเทศโดยคาดว่าในปี 2022 มูลค่าการค้าออนไลน์จะเพิ่มขึ้นถึง 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2026 เนื่องจากผู้บริโภคชาวอินเดียเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งการค้าปลีกเครื่องประดับออนไลน์ก็มีส่วนสำคัญในธุรกิจนี้

 

 

ปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซของอินเดียมีผู้เล่นในตลาดค่อนข้างมาก โดยตลาดซื้อขายออนไลน์ 3 รายใหญ่ที่สำคัญในการขับเคลื่อนตลาดค้าปลีกออนไลน์ในอินเดียก็คือ Amazon, Flipkart และ Paytm Mall ซึ่งต่างก็ขยายสินค้ามายังธุรกิจเครื่องประดับด้วย

นอกจากนี้ยังมีตลาดเฉพาะทางในแต่ละกลุ่มสินค้า อาทิ สินค้าแฟชั่นอย่างเช่น Myntra และ Snapdeal รวมถึงแบรนด์เครื่องประดับในอินเดียหลายรายก็ขยายธุรกิจเข้าสู่ช่องทางการค้าออนไลน์ควบคู่กับการเปิดร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น BlueStone, CaratLane, PC Jewellers และ Gitanjali Jewellers เป็นต้น

ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2020 ตลาดเครื่องประดับออนไลน์ในอินเดียจะมีมูลค่าเติบโตกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีสัดส่วนราวร้อยละ 1-2 ของตลาดค้าปลีกเครื่องประดับอินเดีย

 

 

ผลกระทบต่อการค้าปลีกเครื่องประดับออนไลน์ & ออฟไลน์

จากการที่กรมนโยบาย และการส่งเสริมอุตสาหกรรมของอินเดีย ได้บังคับใช้กฎใหม่ ว่าด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการด้านอีคอมเมิร์ซ จากต่างประเทศดำเนินกิจการในฐานะตลาดซื้อขายทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว และส่งเสริมการแข่งขันกันอย่างยุติธรรมระหว่างช่องทางการค้าปลีกต่างๆ ซึ่งกฎระเบียบที่รัดกุมยิ่งขึ้นช่วยขจัดปัญหาในประเด็นทั้งการจัดหาสินค้า การผูกขาดการจัดจำหน่ายสินค้า และนโยบายในการตั้งราคา

กฎระเบียบใหม่นี้ จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในระยะสั้น โดยผลักดันให้กิจการเหล่านี้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด และเป็นตลาดซื้อขายอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกันสำหรับผู้ขายทุกราย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผู้จัดหา / ผู้ค้าที่ต้องการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ จะได้รับการสนับสนุนให้ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มทางออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม

ซึ่งช่วยลดการเผชิญหน้าในการแข่งขันอย่างรุนแรงจากแบรนด์ใหญ่ที่มีอำนาจผูกขาด และสามารถควบคุมคลังสินค้าของผู้ดำเนินกิจการอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเครื่องประดับอินเดียที่ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซเอง หรือธุรกิจขนาดเล็กลงมา ซึ่งแต่เดิมไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะแข่งขันกับผู้ค้าอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ก็จะได้รับประโยชน์จากกฎระเบียบใหม่นี้

นอกจากนี้ รัฐบาลจะช่วยผลักดันกิจการภายในประเทศให้แข่งขันกับกิจการต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว จะส่งผลให้สถานการณ์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังขยายตัว แต่ร้านค้าแบบดั้งเดิมก็ยังคงครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดค้าปลีกเครื่องประดับของอินเดีย ผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่ให้เสียงตอบรับในทางที่ดีต่อนโยบายใหม่นี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก เนื่องจากกฎนี้จะช่วยลดความกดดันด้านการดำเนินงานและยอดขายอันเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจซื้อขายสินค้าทางออนไลน์

โดยเฉพาะเครื่องประดับที่มีราคาไม่สูงมากนักนั้น ได้รับผลกระทบจากการค้าออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคมักเลือกดูสินค้าที่ร้านค้า แต่กลับถ่ายภาพสินค้าที่ชอบและไปสั่งซื้อทางออนไลน์แทน

เนื่องด้วยตลาดซื้อขายออนไลน์มีโปรโมชั่นลดราคา ขณะที่เครื่องประดับหรูราคาสูงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ผู้ซื้อส่วนมากยังคงต้องการเลือกซื้อที่ร้าน / แบรนด์ที่เชื่อถือได้ เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์ในการซื้อ และการประกันคุณภาพสินค้า อีกทั้งร้านค้าขนาดใหญ่/แบรนด์เครื่องประดับรายใหญ่ก็มีช่องทางออนไลน์เป็นของตนเองอยู่แล้ว ร้านค้าเครื่องประดับจึงหวังว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จะหันกลับมาหาผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิม

 

โอกาสของเครื่องประดับไทยในธุรกิจอีคอมเมิร์ซอินเดีย

จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในกลุ่มสินค้าเครื่องประดับและการปรับกฎระเบียบใหม่ของอินเดีย นับเป็นโอกาสของธุรกิจ SMEs ไทยที่ต้องการขายสินค้าแก่ผู้บริโภคอินเดียผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน โดยเฉพาะผู้ประกอบการเครื่องประดับแท้และเครื่องประดับแฟชั่นของไทยที่มีความพร้อมจะเข้าไปเริ่มทำธุรกิจในอินเดีย ควรต้องเริ่มศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค สำรวจ และประเมินตลาดซื้อขายออนไลน์รายต่างๆ อย่างรอบคอบเพื่อหาแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับการจัดจำหน่ายสินค้าของตน และที่สำคัญอาจพิจารณาเข้าสู่ตลาดผ่านการร่วมมือกับผู้ดำเนินกิจการอีคอมเมิร์ซ ของอินเดียแทน ที่จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาติดขัดโดยไม่จำเป็น จากการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างของธุรกิจให้เป็นไปตามกฎระเบียบดังกล่าว อาทิเช่น ตลาดซื้อขายออนไลน์ AJIO.COM ที่เน้นสินค้าแฟชั่นเป็นหลัก และเพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาโดยบริษัท Reliance ผู้ดำเนินกิจการค้าปลีกรายใหญ่สุดของอินเดียที่ก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้

 

 

เมื่อผู้ประกอบการสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมได้แล้ว ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ค้าสินค้าเครื่องประดับในตลาดซื้อขายออนไลน์นั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องจดทะเบียนธุรกิจในอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกิจการคนเดียว ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัท ยกตัวอย่างเช่น การจดทะเบียนเป็นกิจการคนเดียว ผู้ประกอบการต่างชาติต้องมีวีซ่าแบบธุรกิจ และเข้ามาพำนักในอินเดียไม่น้อยกว่า 182 วัน ก่อนที่จะนำที่อยู่ไปรับรองและยื่นเอกสารเพื่อขอเลขผู้เสียภาษี (Permanent Account Number: PAN) ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบการเปิดบัญชี และนำเลขบัญชีไปจดทะเบียนธุรกิจและขอหมายเลขผู้เสียภาษีสินค้าและบริการ (Goods and Service Tax: GST) จากนั้นจึงนำหลักฐานต่างๆ ข้างต้นมาสมัครเป็นผู้ขายในแพลตฟอร์มออนไลน์

 

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางปี 2019 เป็นต้นมา รัฐบาลอินเดียได้ปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการแข่งขันของกิจการระดับ SMEs มากขึ้น อีกทั้งผู้ให้บริการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และผู้ค้าออนไลน์ต้องระบุแหล่งที่มาของสินค้า (Country of Origin) บนแพลตฟอร์มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2020 และแสดงข้อมูลสินค้านั้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นต้นไป โดยมีแผนที่จะนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เพื่อสร้างความโปร่งใสและความสะดวกในการชำระเงินด้วย

จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการเครื่องประดับไทย หากสามารถศึกษาค่านิยม และปรับสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในตลาดนี้ได้ ก็มีโอกาสที่จะขยายตลาดเข้าสู่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียได้อย่างประสบผลสำเร็จ ส่วนผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ที่มีศักยภาพ ซึ่งกำลังพิจารณารุกตลาดค้าปลีกของอินเดียควรประเมินอย่างรอบคอบว่าการเปลี่ยนแปลงระเบียบกฎเกณฑ์จะส่งผลอย่างไรต่อแผนการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดอินเดีย แม้ว่าช่องทางออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ร้านค้าดั้งเดิมจะยังคงเป็นช่องทางการขายที่สำคัญ

จึงเป็นการดี หากกิจการเลือกใช้แนวทางแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างยอดขายสูงสุดในธุรกิจค้าปลีกของอินเดียที่กำลังเติบโต โดยติดตามพัฒนาการภายในตลาด และวางกลยุทธ์การเจาะตลาดตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถขยายตลาดเครื่องประดับไทยในอินเดียได้อย่างยั่งยืน

 


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 

[อ่าน 7,764]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved