นำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ. เอสซีจี เซรามิกส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์ “คอตโต้” (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทานของ COTTO ใน Q4/2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,419 ล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง% 8 จากไตรมาสก่อน โดยมีผลกำไร 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 219% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง% 51 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดกัมพูชา เมียนมา และลาว รวมถึงปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่มีผลทำให้การส่งออกล่าช้ากับการชะลอโครงการก่อสร้างและโปรเจคขนาดใหญ่ของภาครัฐ-เอกชนและช่องทางโมเดิร์นเทรดบางพื้นที่ต้องหยุดชั่วคราวทำให้ส่งผลกระทบต่อยอดขายและรายได้บางส่วนด้วย
สำหรับผลประกอบการปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 9,951 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 - 10% โดยมีกำไรสุทธิรวม 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 252 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาก๊าซธรรมชาติ ความสามารถในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งสามารถลดค่าบริหารการขายและการตลาดได้ตามเป้า
ด้านสถานการณ์ตลาดเซรามิกในประเทศไตรมาสที่ผ่านมา ความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิกชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีปัจจัยลบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ตลอดจนอุทกภัยในหลายพื้นที่และการสิ้นสุดของมาตรการพักชำระหนี้ แม้ภาครัฐจะมีมาตรการคลายการล็อคดาวน์ตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งออกมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชน อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่งและช้อปดีมีคืนที่อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อในประเทศมากขึ้น แต่ยังไม่มีนโยบายหรือมาตรการที่ส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างโดยตรง
ปี 2564
สำหรับสถานการณ์ตลาดเซรามิกปี 2564 นำพลยอมรับว่าโควิด-19 มีผลโดยตรงต่อความมั่นใจของลูกค้าในช่วงต้นปี แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ที่แน่ชัดได้ แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบทำให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัวต่อไปอีกระยะหนึ่ง และการแข่งขันจะรุนแรงมากขึ้นจากความต้องการและกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็น รวมถึงเร่งการดำเนินการในแผนงานต่างๆ อย่างเต็มกำลัง เพื่อรองรับการฟื้นตัวในอนาคต ระหว่างนี้ ได้นำจุดเรียนรู้จากการล็อคดาวน์ครั้งก่อนมาเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนวางแผนและประมาณการความต้องการของตลาดและการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
"ในช่วงต้นปีนี้ บริษัทจะยังคงโฟกัสกับช่องทางที่หลากหลายทั้งในแบบออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กันไป เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทุกระดับ โดยได้ปรับปรุงและพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้มากขึ้นและมุ่งเน้นสินค้านวัตกรรม (High Value Added) ทั้งในด้านฟังก์ชันการใช้งานควบคู่ไปกับความสวยงามอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสอดรับกับเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะเทรนด์เรื่องการให้ความสำคัญกับสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี (Well-Being) ความตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยตลอดจนการเตรียมพื้นที่สำหรับสมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้สูงอายุ รวมถึงเทรนด์เรื่องการปรับปรุงที่อยู่อาศัย (Renovation)
“สำหรับกลุ่มกระเบื้อง Hygienic Tile เพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและความสะอาดมาโดยตลอด ภายใต้แบรนด์ COTTO ล่าสุด ได้พัฒนากระเบื้องลวดลายไม้ในแต่ละแผ่นกระเบื้องเป็นแบบ Random Design ที่ไม่ซ้ำและแตกต่างกันในแต่ละแผ่นเสมือนลวดลายไม้ธรรมชาติจริง และเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO วัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งที่จะเป็น Product expert ซึ่งมีความครบครันตั้งแต่สินค้าจนถึงบริการ มีสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกพื้นที่รวมทั้งมีอุปกรณ์เสริมครบทุกรายการเพื่อให้จบงานได้ จนถึงมีทีมบริการติดตั้งที่ได้มาตรฐาน ลูกค้าสามารถซื้อได้ครบจบในที่เดียว”
ด้านการขยายธุรกิจด้านพลังงาน ภายใต้ แบรนด์ SUSUNN ที่บริษัทดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดจำหน่าย ติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดหลากหลายประเภทโดยเฉพาะระบบโซลาร์เซลล์ โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้ให้บริการ (Solution Provider) ด้านวิศวกรรม พลังงาน และนิคมอุตสาหกรรมในระดับอาเซียนด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพและประสบการณ์ของทีมงานสามารถทำให้เป็นไปได้อย่างแน่นอนตั้งแต่เริ่มดำเนินการมาในระยะ 2-3 ปีจนถึงขณะนี้ สินค้าและบริการของเราได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ตลาดของโซลาร์เซลล์ที่ยังคงเติบโตได้ดีในปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มที่ดีมากในอนาคต ”
ทั้งนี้ SUSUNN มีสินค้า/บริการด้านการบริหารจัดการพลังงานและพลังงานทดแทน ได้แก่