ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำตลาดเกิดใหม่ โดยจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ขึ้นแท่นตลาดเกิดใหม่อันดับต้น ๆ ของโลก ในดัชนี Agility Emerging Markets Logistics Index ครั้งที่ 12 ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาพรวมด้านความสามารถในการแข่งขัน ประเมินจากความแข็งแกร่งด้านโลจิสติกส์และพื้นฐานธุรกิจ

ดัชนีดังกล่าวจัดอันดับ 50 ประเทศตามปัจจัยที่ทำให้ประเทศเหล่านั้นมีความน่าดึงดูดสำหรับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ตัวแทนผู้ส่งสินค้า ผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ ผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศ และผู้จัดจำหน่าย ในบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหมด เวียดนามได้ขยับขึ้นสามอันดับอยู่ที่อันดับ 8 ขณะที่อินโดนีเซีย (อันดับ 3) มาเลเซีย (อันดับ 5) และไทย (อันดับ 11) ยังคงแข็งแกร่ง เสริมด้วยฟิลิปปินส์ที่ขยับขึ้นมาหนึ่งอันดับอยู่ในอันดับที่ 21

จีนและเวียดนามแทบจะเป็นเพียงสองประเทศในโลกที่ GDP ขยายตัวในปี 2563 หลังได้รับผลกระทบเป็นประเทศแรกๆ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ผลกระทบต่ออุปทานในช่วงต้นปี 2563 ในประเทศจีน ทำให้บางฝ่ายเกิดความกังวลว่าบริษัทข้ามชาติจะพากันย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อกระจายการจัดหาและการผลิตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ราว 1,200 รายที่ดัชนี Agility ทำการสำรวจระบุว่า พวกเขายังไม่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนหรือตลาดอื่นๆ โดยเลือกใช้อัตราส่วนแบบสองต่อหนึ่งเพื่อปกป้องห่วงโซ่อุปทานของตน ด้วยการเร่งการนำเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ (41.3%) เทียบกับการใช้กลยุทธ์การตั้งฐานในหลายประเทศ กลยุทธ์การตั้งฐานในประเทศใกล้เคียง หรือกลยุทธ์การกลับไปตั้งฐานในประเทศต้นทาง (21.9%)

ในบรรดาผู้ที่พิจารณาย้ายฐานออกจากประเทศจีน ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เลือกเวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตมากกว่าประเทศอื่นๆ (19.6%) ขณะที่ตลาดอื่นๆ ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย (17.4%) อินโดนีเซีย (12.4%) ไทย (10.3%) และมาเลเซีย ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ และมีผู้บริหารในอุตสาหกรรมเพียง 7.8% ที่กล่าวว่าการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนจะหมายถึงการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศต้นทาง

เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากเชื่อว่าจะสามารถฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในสิ้นปี 2564 ในจำนวนนี้ 55.9% คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกจะฟื้นตัวในปี 2564 ขณะที่ 53.1% เชื่อว่ายุโรปจะฟื้นตัว

"เอเชียแปซิฟิกประสบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ในช่วงต้นปี 2563 เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 แต่กลับฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยความแข็งแกร่งของจีนและเวียดนาม ภูมิภาคนี้กำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปีนี้" Andy Vargoczky รองประธานอาวุโสฝ่ายขายและการตลาดเอเชียแปซิฟิกประจำ Agility GIL กล่าว "อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนามยังคงปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและขีดความสามารถของซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นสาเหตุเบื้องหลังการเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ในประเทศและระหว่างประเทศ"

จากทั้งหมด 50 ประเทศ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ติดอันดับสูงสุดในดัชนีด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ ขณะที่จีน อินเดีย และเม็กซิโก ติดอันดับสูงสุดในด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยเวียดนามอยู่ที่อันดับ 4 อินโดนีเซียอยู่ที่อันดับ 5 และมาเลเซียอยู่ที่อันดับ 7 ด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย และซาอุดีอาระเบีย เป็นประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่ดีที่สุด

Transport Intelligence (Ti) บริษัทวิเคราะห์และวิจัยชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เป็นผู้จัดทำดัชนีดังกล่าว

John Manners-Bell ประธานบริหารของ Ti กล่าวว่า "จุดแข็งของดัชนี Agility Emerging Markets Logistics Index คือการชี้ให้เห็นความแตกต่างในกลุ่มตลาดเกิดใหม่กันเอง ในแง่ความยืดหยุ่นในการเผชิญกับความท้าทาย และประเทศที่เปราะบางกว่า เช่นเดียวกับในปีนี้ที่แม้ว่าบางประเทศโดยเฉพาะจีนและเวียดนามจะสามารถปรับสมดุลระหว่างความต้องการของอุตสาหกรรมและผู้บริโภคภายในประเทศได้ แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังคงต้องพึ่งพาตลาดและการลงทุนจากต่างประเทศเป็นสำคัญ เมื่อวิกฤตโควิดคลี่คลายลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า ประเทศที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดจะกลับมาเติบโตเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ประเทศที่ล้มเหลวในการปฏิรูปตลาด การค้า การปกครอง และสังคม จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงที่สุด"