ในยุคสมัยนี้ ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม การใส่ใจสังคม ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีบรรษัทภิบาล หรือที่เราเรียกว่าแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ESG (ESG : Environmental Social Governance) บริษัท เคอี กรุ๊ป ผู้พัฒนาและลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ และผู้บริหารกองทรัสต์ ALLY คือหนึ่งในบริษัทที่ก้าวเข้ามาผลักดันนโยบายนี้อย่างจริงจัง เพื่อมุ่งหวังให้ชุมชน บริษัท และผู้ถือหน่วยหรือผู้ถือหุ้น ได้รับการดูแลใส่ใจและได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นในทุกมิติ  

ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนกองทรัสต์ ALLY กล่าวว่า แนวคิดในการทำ ESG เป็นสิ่งที่เคอี กรุ๊ป ได้ให้ความสำคัญ ให้ความใส่ใจและริเริ่มแนวคิดการบริหารตามนโยบาย ESG มานานหลายปีแล้ว เราดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อสร้างความยั่งยืน โปร่งใส และเป็นธรรม ตอบสนองต่อทุกภาคส่วน ทั้งสังคม ชุมชน ผู้ใช้บริการ พนักงาน คู่ค้า และนักลงทุน บริษัทให้ความสำคัญอย่างจริงจังและมุ่งมั่นสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจ ไม่ได้เป็นเพียงคอนเทนต์ตามกระแสเทรนด์โลกธุรกิจยุคใหม่ แต่เป็นเรื่องของความยั่งยืนระยะยาวอย่างแท้จริง ก่อเกิดเป็นโครงการต่าง ๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

ทุกโครงการของคอมมูนิตี้มอลล์ ในกองทรัสต์ “อัลไล รีท”  ยึดหลัก E-Environmental  ด้วยการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา “โซลาร์ รูฟท็อป” (Solar Rooftop) เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เน้นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า รักษาสภาพแวดล้อม และสามารถลดต้นทุนค่ากระแสไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือลดไปได้กว่า 15% ของต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด เรายังใส่ใจในสิ่งแวดล้อมลึกลงไปด้วยการปลูกฝังเรื่อง Green DNA ให้กับพนักงานทุกคน สร้างสภาพแวดล้อมภายในศูนย์ให้เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ดูร่มรื่น ช่วยลดโลกร้อนอันส่งผลต่อการลดใช้พลังงาน แถมยังช่วยเพิ่มทัศนียภาพที่งดงาม เพลินตาให้กับผู้มาใช้บริการ พิเศษไปกว่านั้นต้นไม้ที่เราปลูกเหล่านี้ใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพพร้อมกันไปในตัว ทำให้ทุกคนที่มาเยือน ได้สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยังส่งเสริมเรื่องของพลังงานทางเลือกโดยจัดบริการ EV Charging Station อยู่ตามลานจอดรถหรือจุด Parking ต่างๆ ของโครงการซีดีซี, เดอะ คริสตัล ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้ามาชาร์จไฟฟ้าระหว่างที่มาช้อปปิ้งได้อีกด้วย

ในส่วนของ S-Social นั้นเรายึดถือหลัก Knowledge Community Development คือการพัฒนาและสร้างกลุ่มสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ บนพื้นฐานมาตรการ Social Distancing ทั้งเรื่องของการจัด Town hall การเชิญ Guest Speaker ผู้มีประสบการณ์ในสายอาชีพต่างๆมาร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์ดีๆ เพื่อให้แง่คิดและสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงการสร้าง Connection community ใหม่ๆให้เกิดขึ้นจากบุคคลภายนอก ยิ่งในช่วงปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด -19  เราก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ยังคงยึดหลักการใส่ใจดูแลชุมชนและสังคม โดยตระหนักถึงความปลอดภัยและความสะอาดของคอมมูนิตี้มอลล์, ศูนย์การค้าฯ เป็นสำคัญ ทั้งการวางแผนกำลังคน จุดตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึงการฆ่าเชื้อต่างๆ ในกรณีถ้าพบว่ามีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการ รวมไปถึงเรื่องของ BCP (Business Continuity Planning) ซึ่งเป็นแผนไว้รองรับในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ และในช่วงที่การบริจาคโลหิตลดน้อยลง สภากาชาดต้องการเลือดอย่างมาก เราก็ได้ทำกิจกรรม CSR โดยเปิดพื้นที่ภายในศูนย์การค้าฯ ให้เป็นจุดรับบริจาคโลหิต อำนวยความสะดวกให้ทุกคนทั้งพนักงาน ผู้เช่า หรือบุคคลภายนอกที่เข้ามาในศูนย์ฯ สามารถมาร่วมบริจาคได้โดยยังคงมีมาตรการด้านความปลอดภัยและความสะอาดตามมาตรฐาน นับเป็นการสร้างคอมมูนิตี้ในรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

แนวคิดสุดท้าย G-Governance ถือเป็นสิ่งแรกในการเริ่มต้นของการทำธุรกิจ โดยการใส่ใจจรรยาบรรณวิชาชีพ รวมถึงธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าการดำเนินธุรกิจนั้น ย่อมทำให้เกิดความท้าทายและความเสี่ยงเข้ามาในกระบวนการ แต่จะทำอย่างไรให้ความเสี่ยงนั้นลดน้อยลงอยู่ในจุดที่รับได้ ฉะนั้นบริษัทจึงใส่ใจในระบบ Risk Management สำหรับการบริหารความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันบริษัทในเครือและบริษัทที่บริหารกองรีทนี้ ได้นำแผนแม่บทที่เป็นมาตรฐานระดับสากลมาเป็นกรอบแนวทางในการบริหารความเสี่ยง และตรวจสอบภายใน The Committee of Sponsoring Organization หรือ COSO  ซึ่งเป็นประโยชน์ในเรื่องของการบริหารความเสี่ยง และการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ ณ ปัจจุบันได้ใกล้เคียงที่สุด

ปัจจุบัน กองรีท ALLY สามารลงทุนได้ตั้งแต่ศูนย์การค้า และสินทรัพย์ประเภทอื่น อาทิ ออฟฟิศ (Office) โกดังสินค้า (Warehouse) ฯลฯ เป็นต้น เรื่องของการตรวจสอบความพร้อมและความโปร่งใสของระบบงาน IA Process (Internal Auditing Process) ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานและผู้บริหารที่ช่วยในด้านการกำกับดูแลกิจการของทั้งเครือบริษัท  อีกทั้งข้อดีของเรื่องนี้คือความโปร่งใสในการบริหารงานที่จะใช้หลัก IPPF (International Professional Practice Framework) ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติการตรวจสอบภายในระดับสากล ที่นำมาใช้และใส่ใจการกำกับดูแลเพิ่มขึ้น มีความพร้อมในการขยายการลงทุนโครงการออกไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภทอย่างต่อเนื่อง

และเพื่อให้การบริหารงานทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ ล่าสุด บริษัท เค.อี.รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นตัวแทนของเครือบริษัท ในการนำร่องริเริ่มยื่นความจำนงค์ต่อกลุ่ม CAC (Collective Action Coalition Against Corruption) หรือโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต ในเรื่องของ Anti-Corruption เป็นองค์กรที่ปราศจากเรื่องการคอร์รัปชั่น เพื่อสร้างความโปร่งใส และอุ่นใจให้แก่คู่ค้า และตัวเราเองด้วยเช่นกัน 

“เคอี กรุ๊ป ยึดมั่นอย่างตั้งใจและจริงจังในการปลูกฝังเรื่อง ESG นี้ เข้าไปอยู่ในทุกส่วนของการทำงาน และให้คำมั่นว่าเราจะพัฒนาต่อไปให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร และเป็น DNA ของบริษัทอย่างแท้จริง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด กล่าว