โดย นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก ผู้อำนวยการอาวุโส Digital Engagement & FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จำเป็นต้องเร่งการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลภายในเวลาอันรวดเร็ว ที่สำคัญเอสเอ็มอีที่ปรับธุรกิจสู่ดิจิทัลแล้วจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังวิกฤตการณ์ครั้งนี้
ท่ามกลางภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เอสเอ็มอีจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัลอย่างเป็นการเร่งด่วน (Digital Transformation - DX)
สอดคล้องกับผลสำรวจ “ASEAN SME Transformation Study 2020”[1] โดยธนาคารยูโอบี ร่วมกับแอคเซนเจอร์ และดันแอนด์แบรดสตรีท ชี้กว่า 2 ใน 3 ของธุรกิจเอสเอ็มอี (ร้อยละ 64) ในภูมิภาคอาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นอันดับแรก เพื่อช่วยในการดำเนินธุรกิจช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้เอสเอ็มอีในประเทศไทยจำนวนถึง 3 ใน 4 (ร้อยละ 71) ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นลำดับแรก และเป็นที่น่าสังเกตว่าแม้จะมีความท้าทายจากรายได้ที่ลดลง แต่เอสเอ็มอี ในอาเซียนยังคงวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี แสดงให้เห็นว่าเอสเอ็มอีในกลุ่มอาเซียน ต่างมองข้ามความท้าทายในปัจจุบัน และเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นอกเหนือจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีแล้ว เอสเอ็มอีต้องแน่ใจว่าฟังก์ชันทางธุรกิจทั้งหมดพร้อมแล้วสำหรับกระบวนการปรับสู่ดิจิทัลแม้ว่าจะสามารถนำระบบอัตโนมัติต่างๆเข้ามาแทนกระบวนการทำงานที่ต้องทำด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสิ่งสำคัญคือเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงจะต้องปรับใช้แนวคิดที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัลต่างๆ มาใช้ได้อย่างรวดเร็ว
ตามรายงานของ Digital Transformation: Reshaping The Way We Work[2] โดยธนาคารยูโอบี ร่วมกับ Digital Reality บริษัทให้คำปรึกษาและบริหารจัดการธุรกิจดิจิทัล ได้แนะนำเอสเอ็มอีในการเริ่มต้นเส้นทางธุรกิจดิจิทัลด้วยกรอบแนวคิด 'ASSESS' ซึ่งประกอบด้วย
นอกจากกรอบแนวคิด 6 ข้อที่ช่วยเอสเอ็มอีวางแนวทางปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเบื้องต้นได้แล้ว เอสเอ็มอียังสามารถมองหาทางลัดต่างๆ ในประเทศที่จะช่วยบ่มเพาะและเอสเอ็มอีไปสู่จุดหมายได้อย่างเร็วขึ้น หนึ่งในทางลัดที่ได้สนับสนุนเอสเอ็มอีให้ปรับองค์กร คือโครงการ Smart Business Transformation (SBTP) ดำเนินการโดย ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และเดอะ ฟินแล็บ นับตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งได้ช่วยให้เอสเอ็มอีนำเครื่องมือทางธุรกิจและดิจิทัลโซลูชันไปใช้ได้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจต่างๆ รวมถึงสร้างทัศนคติและความคิดดิจิทัลให้เกิดขึ้นในองค์กร นอกจากนี้ ยังช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงข้อมูลและแหล่งเงินทุนในการนำเทคโนโลยีมาใช้อีกด้วย
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดส่งผลกระทบในระยะยาว แรงขับเคลื่อนสำหรับการเปลี่ยนสู่ธุรกิจดิจิทัลจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นสืบเนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน ความบันเทิงที่เปลี่ยนไป ความเปลี่ยนแปลงที่เราพบเห็นในวันนี้เทียบกันไม่ได้เลยกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่รออยู่เบื้องหน้าธุรกิจเอสเอ็มอีจะต้องเริ่มต้นเปลี่ยนสู่ดิจิทัลนับตั้งแต่วันนี้เพื่อก้าวให้ทันกับกระแสความเปลี่ยนแปลง ควบคู่ไปกับการรักษาธุรกิจให้อยู่รอดและเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน
สำหรับเอสเอ็มอีที่สนใจปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจดิจิทัล หรือกำลังปรับเปลี่ยน สามารถเยี่ยมชมรายละเอียดโครงการ SBTP หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://thefinlab.com/thailand/ ได้ทันที
[1] The survey was conducted among 1,000 small businesses with annual turnover of $20 million and below before and during the COVID-19 pandemic, in the third quarter of 2019 and May 2020 respectively. Small businesses across five ASEAN markets – Indonesia, Malaysia, Singapore, Thailand and Vietnam – were surveyed.