HappyFresh ปิดดีลยักษ์ระดมทุน Serie D มูลค่าราว 65 ล้านเหรียญตอกย้ำเจ้าตลาด E-Grocery
03 Aug 2021

 

ล่าสุดจากการระดมทุนรอบ Serie D, HappyFresh ยังคว้ากลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ นำโดย Naver Financial Corporation และ Gafina B.V ตามด้วย STIC, LB และ Mirae Asset จากประเทศอินโดนีเซียและ กลุ่มทุนจากสิงคโปร์ อย่าง Mirae Asset-Naver Asia Growth Fund และ Z Venture Capital ที่ตบเท้าเข้าร่วมสมทบทุนเพิ่มใน Serie D ทำให้ในรอบนี้ HappyFresh ปิดดีลระดมทุน ได้เกินเป้าที่วางไว้ เหตุนักลงทุนเล็งเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ E-Grocery

โดยวิกฤตการณ์โควิดนั้น นับเป็นตัวเสริมอุปสงค์ให้ธุรกิจ E-Grocery พุ่งทะลุ ทะยานสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยนับเป็นเวลากว่า 18 เดือน ตั้งแต่วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้เริ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกต้องปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) ดัน HappyFresh สู่ผู้นำการให้บริการซื้อและส่งของสดของใช้ออนไลน์ในอาเซียน ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการของหลายพันครัวเรือนที่หันมาเลือกใช้บริการ HappyFresh ในการซื้อสินค้าของสดของใช้ อย่างสะดวกและปลอดภัย 

 

 

นายเกียม ซาการ์ร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงธุรกิจ E-Grocery ที่พุ่งทะยานนี้ว่า เราตั้งเป้าหมายตั้งแต่เริ่มธุรกิจ เพื่อจะส่งมอบของสดของใช้ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ความทุ่มเทของเราได้พิสูจน์ถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีเลิศ รวมถึงสร้างความไว้วางใจให้กับครัวเรือนต่างๆในทั้ง 3 ประเทศ ว่าทุกคนจะได้รับสินค้าที่สด และมีคุณภาพดีที่สุด และเรายังคงมุ่งมันที่จะให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ที่คัดสรรคุณภาพอันดีเยี่ยม เพื่อลูกค้าของเราเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เราเริ่มต้นธุรกิจ”

 

ท่ามกลางวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ HappyFresh ยังคงแสดงศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมียอดการใช้งานแอปพลิเคชันและเว็บไซต์จาก 3 ประเทศในปี 2564 ที่เติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า รวมถึงยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าใหม่ และลูกค้าเดิม เป็นการสร้างความเชื่อมันให้นักลงทุน  และตอกย้ำถึงการเติบโตของตลาดและโอกาสในธุรกิจสินค้าประเภทของสด ของใช้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี

พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการจับจ่าย ความถี่ในการสั่งซื้อสินค้า และยอดซื้อสินค้าในแต่ละการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ การสั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่ยังมาจากการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ โดย HappyFresh ยังคงพัฒนาแและขยายรูปแบบการชำระเงินเพื่อตอบรับกับวิถีชีวิตใหม่ให้มากขึ้น” นายเกียม กล่าว

 

 

อีกทั้งทิศทางธุรกิจออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับรับสถานการณ์โรคระบาด ประกอบกับมูลค่าตลาดค้าปลีก 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 1.15 ล้านล้านบาท ปัจจัยเหล่านี้ล้วนตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจของ HappyFresh ที่มีมูลค่ามหาศาล

นอกจากนั้น ตลาด E-Grocery ในเอเชียยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรม ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้ และกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆ ก็มีการปรับตัว และมีความเข้าใจในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของ HappyFresh ด้วย 

ด้านแผนการลงทุน นายเกียม ได้กล่าวเสริมว่า HappyFresh ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายตลาดไปยังพื้นที่ ที่มีศักยภาพอื่นๆ หวังให้ครอบคลุมพื้นที่บริการทั้งหมด โดยยังคงยึดถือคุณภาพ และมาตรฐาน ความปลอดภัยสูงสุดเป็นสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาพนักงาน Personal Shopper และพนักงานขนส่งสินค้า ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญขององค์กร พวกเขาทำงานอย่างหนักหน่วงและไม่ย้อท้อ เพื่อช่วยเหลือ และตอบสนองความต้องการสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทุกท่าน การลงทุนในรอบ Serie D นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในบทใหม่ขององค์กร เราพร้อมและตื่นเต้นไปกับการเดินทางครั้งนี้” ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา HappyFresh ได้ขยายตำแหน่งงานมากขึ้นกว่านับพันตำแหน่ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น

"เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันดีเยี่ยม พร้อมกับการใช้งานที่สะดวกสบาย เป็นสำคัญ นอกจากนั้น เราพร้อมที่จะขยายพื้นที่ให้บริการร่วมกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกที่เรามี ในทุกประเทศ ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพของเรา พร้อมกับพัฒนาประสิทธิภาพด้านการขนส่ง การควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างประสบการณ์การสั่งซื้อที่ดีให้กับลูกค้า สำหรับ HappyFresh เรามุ่งหวังที่จะจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าในสภาพที่สดใหม่ และรวดเร็วที่สุด และแน่นอนว่า ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงประสบการณ์การสั่งซื้อของสด ของใช้ ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย”  นายเกียม กล่าวเพิ่มเติม

 

นายเดวิด ลิม กรรมการผู้จัดการ HappyFresh ประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า HappyFresh ยังคงมุ่งพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า และรักษามาตรฐาน ความปลอดภัยของทุกการสั่งซื้อแม้ในช่วงวิกฤติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน QR code พร้อมเพย์ หรือการขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ของสินค้าให้ครอบคลุมกับความต้องการของคนไทย” 

"ในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้  เราได้เตรียมการขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ เพื่อตอบรับความต้องการของครัวเรือน และสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกครอบครัวจะสามารถเข้าถึง บริการสั่งซื้อและรับสินค้าที่บ้านได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการ HappyFresh ไปยังจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย เพราะเราเชื่อว่า HappyFresh เป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือ ให้ทุกครอบครัว สามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้”

 

 

HappyFresh ยังคงพัฒนาประสบการณ์การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ การใช้งานบนแพลตฟอร์ม และการเพิ่มจำนวนสินค้าให้มีความหลากหลาย ทั้งนี้เพื่อให้บริการ HappyFresh สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ทุกครัวเรือนมากยิ่งขึ้น

"ด้วยทีมบริหารมืออาชีพ และรูปแบบการให้บริการที่แตกต่าง  HappyFresh แสดงถึงศักยภาพขององค์กรที่จะนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก นอกจากนั้นเรายังมั่นใจว่ารูปแบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ประกอบกับมาตรฐาน ความปลอดภัยจะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายซ้ำ และความภักดีต่อแบรนด์ รวมทั้งจะเป็นแรงผลักให้ HappyFresh เป็นผู้นำในตลาดในระยะยาว” นายปีเตอร์ นา, Director of Southeast Asia Investments ผู้ร่วมทุนจาก Naver และ กรรมการบริหาร HappyFresh ได้กล่าวไว้

 

[อ่าน 1,793]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SPARKLE เปิดเกมรุกตลาดยาสีฟัน ดึง “หลิงหลิง คอง” นั่งพรีเซนเตอร์ใหม่ เจาะ Gen Y & Z ตั้งเป้าโต 20% ในปี 2025
ออริจิ้น โฮเทล ปลื้ม ‘โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชาฯ’ โชว์ผลงานสวนกระแส แม้สภาวะตลาดที่นักท่องเที่ยวหดตัว
LINE MAN ผนึก ช่องวัน 31 พลิกโฉมประสบการณ์ดูซีรีส์ 
ด้วย “Taste-perience”
Chang Canvas เปิดพื้นที่ Brewhouse สุดไอคอนิก ส่งต่อความสุขเทศกาลดนตรีระดับโลก
ทรู ผนึกกำลังการีนา เปิดศึก RoV สุดมันส์ทั่วไทย!
หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ร่วมออกบูธในงาน Set in the City 2025
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved