ถ้าจะบอกว่า ตอนนี้ Uniqlo แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอันดับ 3 ของโลกจากแดนซามูไรกำลังเผชิญ ‘มรสุม’ รอบด้านก็คงไม่ผิดนัก เพราะในตลาดบ้านเกิดกำลังเผชิญกับยอดขายที่ลดลง ตลอดจนตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 อย่างเกาหลีใต้ ก็กำลังถูกแบรนด์ท้องถิ่นเบียดเข้ามาหายใจรดต้นคอมากขึ้นทุกที

ปิดร้านในย่านท่องเที่ยวของโอซาก้า

Global Times ซึ่งเป็นสื่อของจีนรายงานว่า ในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ร้าน Uniqlo ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชินไซบาชิอันเป็นย่านช้อปปิ้งหลักของโอซาก้า ได้ปิดตัวลงโดยระบุว่า จะย้ายไปรวมกับแบรนด์ในเครืออย่าง GU และเปิดอีกครั้งในเดือนกันยายน

แต่เดิมนั้นย่านชินไซบาชิเคยดึงดูดผู้คนจำนวนมากในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทว่าการระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ทำให้นักท่องเที่ยวที่คึกคักหายวับไปกับตา

“แบรนด์แฟชั่น และเครื่องสำอางยอดนิยมหลายแห่ง เปิดร้านค้าในย่านช้อปปิ้ง ซึ่งส่งผลให้ค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น และร้านค้าบางแห่งไม่สามารถจ่ายได้อีกต่อไป เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19” จาง เจี้ยน ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นให้ความเห็น

จาง กล่าวเสริมว่า การขาดแคลนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ซึ่งผลกระทบนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ภาคการบิน โรงแรมของญี่ปุ่น ไปจนถึงการช้อปปิ้งและร้านอาหาร

ปิดเพราะสัญญาเช่าหมด

กระนั้น Uniqlo ก็ได้ออกแถลงการณ์ตอบ Global Times ว่า การตัดสินใจปิดร้านเกิดขึ้นจากสัญญาเช่าร้านที่ใกล้หมดอายุ โดย “ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไม่เพียงแต่จากจีนเท่านั้น แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลักในการปิดร้าน”

ตามข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 9.594 ล้านคนเดินทางมาญี่ปุ่นในปี 2019 คิดเป็น 33% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของประเทศ

ขณะที่รายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจประจำปีของ World Travel & Tourism Council พบว่า วิกฤติโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น

โดยทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบกว่า 138 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.5 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันก็ทำให้มีคนตกงานมากกว่า 290,000 ตำแหน่งด้วยกัน

ธุรกิจในแดนกิมจิกำลังถูกท้าทาย

ไม่เพียงแต่ธุรกิจในบ้านเกิดเท่านั้น ในแดนกิมจิซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่นและจีน Uniqlo ได้เผชิญความท้ายที่เกิดจากคู่แข่งในท้องถิ่น

ยอดขายของ Uniqlo ในปี 2019 นั้นเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าของ TOPTEN10 แต่คู่แข่งจากเกาหลีใต้ไล่ตามเข้ามาใกล้ จนตอนนี้ทำรายได้น้อยกว่าบริษัทญี่ปุ่นเพียง 30% ซึ่งในขณะที่ยอดขายของ Uniqlo ลดลง ยอดขายของ TOPTEN10 ในไตรมาสแรกของปีนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

"ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายของ Uniqlo ลดลงจาก 974.9 พันล้านวอนเป็น 574.6 พันล้านวอน ยอดขายของ TOPTEN10 เพิ่มขึ้นจาก 334 พันล้านวอนเป็น 430 พันล้านวอนในช่วงเวลาเดียวกัน หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป ยอดขายของ TOPTEN10 น่าจะแซงหน้า Uniqlo ได้ในไม่ช้านี้” แหล่งข่าวรายหนึ่งให้ความเห็นกับ Koreatimes

กระทบจากการถูกคว่ำบาตร

การเคลื่อนไหวคว่ำบาตรบริษัทญี่ปุ่นในปี 2019 กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของ Uniqlo ในเกาหลีนั้นลดลง

ปัญหาของ Uniqlo กลายเป็นโอกาสของ TOPTEN10 ที่เลือกใช้ ‘ความรักชาติ’ มาเป็นเกมการตลาดที่สร้างแรงดูดใจลูกค้า จนในที่สุดชาวเกาหลีบางส่วนก็หันหลังให้กับแบรนด์จากแดนซามูไร

ขณะเดียวกันการระบาดของโรคโควิด-19 ยังได้สร้างความได้แบรนด์ให้กับแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง TOPTEN10 และ SPAO ลดราคาเสื้อผ้าส่วนใหญ่ลง 30% ท่ามกลางความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง เทียบให้เห็นภาพ ราคากางเกงผู้หญิงของ TOPTEN10 ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 20,000 วอน ในขณะที่ Uniqlo มีราคามากกว่า 30,000 วอน

“การระบาดใหญ่ได้เปลี่ยนความรู้สึกของตลาด จนทำให้ผู้คนซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพง หรือเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นที่ถูกที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้ ได้เพิ่มข้อได้เปรียบของแบรนด์แฟชั่นฟาสต์แฟชั่นในท้องถิ่นให้ถึงขีดสุด”

 

TOPTEN10 และ SPAO ยังเพิ่มจำนวนร้านค้าในขณะที่บริษัทแฟชั่นระดับโลกกำลังปิดสาขาที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ TOPTEN10 เปิดร้านใหม่ 115 สาขาในปีที่แล้ว และมีแผนจะเปิดให้บริการอีก 30 สาขาในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 134 ร้านค้าที่ดำเนินการในปี 2016 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในสิ้นปี 2020

การศึกษาโดยสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งเกาหลีแสดงให้เห็นว่าตลาดแฟชั่นในท้องถิ่นลดลง 2% ในปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายของ TOPTEN10 เพิ่มขึ้น 30% จนสามารถเอาชนะ Zara จาก Inditex ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นอันดับ 2 ของตลาดแฟชั่นในเกาหลีใต้ได้ในที่สุด