“ดิอาจิโอ” เผยโฉม 5 บาร์เทนเดอร์ที่น่าจับตามอง บนเวทีเวิลด์คลาสรอบชิงชนะเลิศ
27 Mar 2018

 

         “ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่” เผยโฉม 5 บาร์เทนเดอร์ดาวรุ่งที่น่าจับตามองจาก 5 บาร์ชื่อดังของไทย ก่อนการแข่งขันสุดยอดบาร์เทนเดอร์อันทรงเกียรติที่สุดของประเทศไทย  ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส 2018 “ไทยแลนด์ ไฟนอล” (DIAGEO Reserve World Class 2018 “Thailand Final”) ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเผยแรงบันดาลใจเพื่อชิงชัยรอบสุดท้ายในเดือนเมษายนนี้


         หากเอ่ยถึงรายการแข่งขันระดับสากลที่เหล่าบาร์เทนเดอร์ทั่วโลกใฝ่ฝันอยากเข้าร่วมเพื่อเป็นเกียรติสักครั้งในชีวิตแล้วนั้น แน่นอนว่า ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส (DIAGEO Reserve World Class) ต้องได้รับการกล่าวถึงในฐานะรายการแข่งขันอันดับหนึ่ง เพราะเป็นโปรแกรมอบรมและการแข่งขันมิกโซโลจิสต์ที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุด ซึ่งให้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจแก่บาร์เทนเดอร์มาแล้วกว่า 250,000 คน ใน 60 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าร่วมโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งไม่เพียงเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปชิงแชมป์ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ตลอดจนพัฒนาทักษะด้านการผสมเครื่องดื่มให้กับบาร์เทนเดอร์ไทยผู้เข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละครั้งจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอีกด้วย


         ในปีนี้ก่อนการแข่งขัน ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส 2018 “ไทยแลนด์ ไฟนอล” (DIAGEO Reserve World Class 2018 “Thailand Final”) จะกลับมาสร้างความตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ได้เผยโฉม 5 บาร์เทนเดอร์ไทยจากบาร์ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่น่าจับตามองให้ผู้ติดตามการแข่งขันได้ทำความรู้จักกันก่อน ได้แก่ ธนกฤช เสรีศิริขจร จาก Sri Trat Restaurant & Bar กรุงเทพฯ, เดนนิส เทอร์เนอร์ จาก Sooth Bar เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี, ทศพล อภิวัฒนสวี จาก DIBUKA Café & Restaurant ภูเก็ต, พิชญพงศ์ จูงกลาง จาก The Bamboo Bar โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯและเดชศักดิ์ดา เทียนทอง จาก Vesper Bar กรุงเทพฯ

 

 

         ดาวรุ่งคนแรก ธนกฤช เสรีศิริขจร จาก Sri Trat Restaurant & Bar กรุงเทพฯ เป็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มอายุ 28 ปีที่สั่งสมประสบการณ์การทำงานด้านมิกโซโลจิสต์มานานกว่า 7 ปี ผ่านมาทั้งการทำงานพาร์ทไทม์ในอีเวนท์ บาร์ ร้านอาหาร และเปิดร้านเป็นของตัวเอง ก่อนจะมาประจำอยู่หลังบาร์เครื่องดื่มที่ Sri Trat Restaurant & Bar จนถึงปัจจุบัน เขามองว่าการสร้างสรรค์เครื่องดื่มคือศิลปะอย่างหนึ่งที่สื่อผ่านรสชาติ ทุกครั้งที่ปรุงรสค็อกเทลในแต่ละแก้วธนกฤชจะใส่ใจกับโจทย์ที่ได้รับเป็นอย่างมากก่อนจะนำเสนอออกมาเป็นเครื่องดื่มที่ลงตัวและเหมาะกับลูกค้าแต่ละคน โดยสไตล์ค็อกเทลที่เขาถนัดมากที่สุดคือ Spirit-Forward Cocktail ซึ่งนอกจากมีเหล้าชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นส่วนผสมหลักแล้วยังผสมผสานเหล้าชนิดอื่นเพื่อสร้างรสชาติที่แปลกใหม่ด้วย


         “เสน่ห์ของค็อกเทลคือเราต้องรู้จักวัตถุดิบนั้นๆ อย่างแท้จริงว่าแต่ละตัวมีคาแรคเตอร์อย่างไร และสามารถนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งส่วนตัวผมชอบการผสมผสานของรสชาติมาก เหมือนจินตนาการว่าถ้าเอาสิ่งนั้นกับสิ่งนี้มารวมกันจะเข้ากันได้ไหม หรือควรจะเอาตัวไหนมาเป็นตัวเชื่อมของรสชาติ หรือตัวไหนจะสามารถสร้างความซับซ้อนให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้ได้ นี่คือเสน่ห์ของการทำเครื่องดื่มครับ” ตัวแทนบาร์เทนเดอร์จาก Sri Trat Restaurant & Bar กล่าว


         สำหรับธนกฤชเข้าร่วมแข่งขันดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส เป็นครั้งที่ 4 แล้ว เขามองว่านี่ไม่ใช่แค่รายการแข่งขัน แต่ยังเป็นรายการที่ช่วยให้บาร์เทนเดอร์ไทยได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง ทั้งจากการทดลองรสชาติใหม่ๆ และการเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ฉะนั้นมากกว่าการเป็นผู้ชนะจึงเป็นความคุ้มค่าที่ได้ร่วมแข่งขัน 

 


         ด้าน เดนนิส เทอร์เนอร์ จาก Sooth Bar เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เป็นบาร์เทนเดอร์ไฟแรง ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน จากจังหวัดนครศรีธรรมราช อายุ 28 ปี ที่พลิกชีวิตจากเด็กที่เรียนไม่จบมัธยมปลายแล้วเลือกไปทำงานในโรงแรม มาสู่การเป็นบาร์เทนเดอร์จำเป็นจากการที่ผู้จัดการโรงแรมมองเห็นความสามารถด้านภาษาของเขา ก่อนจะก้าวมาเป็นบาร์เทนเดอร์มืออาชีพประจำอยู่ที่บาร์ชื่อดังอย่าง Sooth Bar ได้เพียง 1 ปี 3 เดือน 


         “การเป็นบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ต่างกับการเป็นบาร์เทนเดอร์จำเป็นเมื่อสมัยทำงานอยู่ที่โรงแรมค่อนข้างเยอะ เพราะเมื่อครั้งทำงานอยู่ที่โรงแรมไม่มีใครสอนหรือแนะนำอะไรเลย ผมจึงทำได้เพียงเครื่องดื่มคลาสสิกพื้นฐานทั่วไป แต่พอมาประจำที่นี่มีการสอน แนะนำ และส่งไปเรียนเรื่องการผสมเครื่องดื่มอย่างจริงจัง ผมจึงได้เรียนรู้เรื่องการทำส่วนผสมและสามารถสร้างสรรค์เครื่องดื่มเองได้ ซึ่งส่วนใหญ่แรงบันดาลใจในแต่ละแก้วก็มักจะมาจากสิ่งรอบตัว อย่างความเป็นชาวเกาะก็สามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มของผมได้ครับ”


         เดนนิสเผยว่าเป้าหมายสูงสุดในอาชีพบาร์เทนเดอร์ที่เขาใฝ่ฝันคือการได้มีโอกาสไปทำงานในบาร์ชื่อดังของอเมริกา ซึ่งตั้งใจว่าจะพยายามไปถึงจุดนั้นให้ได้ สำหรับการแข่งขันดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส 2018 ครั้งนี้คือการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ครั้งแรกในชีวิตของเขา จึงไม่ได้คาดหวังกับตำแหน่งแชมป์สูงนัก แต่ใครจะรู้ หนุ่มลูกครึ่งคนนี้อาจจะเป็นม้ามืดของรายการก็เป็นได้

 


         ในส่วนของ ทศพล อภิวัฒนเสวี จาก DIBUKA Café & Restaurant ภูเก็ต เป็นบาร์เทนเดอร์วัย 27 ปีที่เรียนจบด้านอาหารและเครื่องดื่มจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต มาโดยตรง อีกทั้งยังสะสมประสบการณ์จากการทำงานในค็อกเทลบาร์มาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ก่อนจะมาเริ่มต้นอาชีพบาร์เทนเดอร์อย่างจริงจังในร้านอาหารชื่อดังหลายร้าน และเป็นที่ปรึกษาด้านอีเวนท์บาร์กับเพื่อน จนมาลงตัวที่บาร์ค็อกเทลของ DIBUKA Café & Restaurant ที่เน้นเครื่องดื่มคลาสสิกเป็นหลัก


         “การสร้างสรรค์เครื่องดื่มในแต่ละแก้วของผมจะเริ่มจากการสังเกตบุคลิกภาพของลูกค้าเป็นอันดับแรก รวมถึงสอบถามลูกค้าว่าชอบรสชาติแบบไหนหรือชอบผลไม้อะไร ก่อนจะทำออกมาให้ถูกใจลูกค้าแต่ละคนมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาผมพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอด้วยการศึกษาจากคลิปการแข่งขันต่างๆ ทางยูทูบ และที่สำคัญคือการได้ร่วมเทรนนิ่งและแข่งขันในรายการแข่งขันของดิอาจิโอ ซึ่งช่วยให้ผมพัฒนาความสามารถของตัวเองในหลายๆ ด้าน”


         ทั้งนี้ ทศพลเข้าร่วมแข่งขันในรายการดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส มาตั้งแต่ปี 2016 ต่อเนื่องมายังปี 2017 และปีล่าสุดนี้ ซึ่งแต่ละครั้งที่ลงแข่งเขาจะฝึกซ้อมและเตรียมตัวเป็นอย่างดี โดยครั้งนี้เขาได้ทำการบ้านด้วยการไป Hopping Bar เพื่อศึกษาความแตกต่างของเครื่องดื่มในแต่ละที่ ทำให้ได้ไอเดียและเทคนิคที่หลากหลาย นับเป็นความพยายามเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายในการก้าวสู่ Top 10 บาร์เทนเดอร์ไทยของเขา 

 


         อีกหนึ่งดาวรุ่งที่ต้องจับตามองคือ พิชญพงศ์ จูงกลาง จาก The Bamboo Bar โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ บาร์เทนเดอร์มากฝีมือวัย 24 ที่เรียนจบการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยดุสิตธานี แต่ก่อนหน้านี้เขาเริ่มต้นจากเด็กเรียนไม่เก่งที่พยายามหากิจกรรมทำเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง จนมาพบกับความสนุกของการเป็นบาร์เทนเดอร์และการควงขวด ซึ่งทำได้ดีจนได้รับงานอีเว้นท์ต่างๆ จากหลายๆ บริษัท แล้วจึงเริ่มงานประจำเริ่มเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านดังอย่างเทพบาร์ ก่อนจะมารับหน้าที่สร้างสรรค์เครื่องดื่มให้กับ The Bamboo Bar ในที่สุด


         “เมื่อยืนอยู่หน้าบาร์เราต้องเจอลูกค้าที่มีความต้องการและความชอบที่หลากหลาย ฉะนั้นการเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์เครื่องดื่มให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละท่านเกือบทุกวัน จึงเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องดื่มที่ผมถนัดมากที่สุดคือแนวทวิสต์ โดยนำคลาสสิกค็อกเทลมาปรับให้เป็นเครื่องดื่มที่ยังคงความคลาสสิกอยู่แต่รสชาติ กลิ่น และบางสิ่งบางอย่างตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น”


         ในฐานะบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ พิชญพงศ์ตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองไว้ว่า สักวันหนึ่งเขาจะขึ้นไปยืนอยู่ในแถวหน้าเคียงข้างมิกโซโลจิสต์ชื่อดังที่มีอุดมการณ์ในการทำงานเหมือนกัน แต่วันนี้สิ่งที่เขาอยากได้คือประสบการณ์และการพบเจอผู้คนที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการทำเครื่องดื่มได้ ซึ่งการแข่งขันรายการดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส คือรายการแข่งขันที่มอบสิ่งเหล่านั้นให้กับเขา 

 


         ตัวเต็งคนสุดท้าย เดชศักดิ์ดา เทียนทอง จาก Vesper Bar กรุงเทพฯ เป็นน้องใหม่วัย 22 ที่เพิ่งทำงานด้านบาร์เทนเดอร์มาได้ 2 ปี ก่อนหน้านี้เขาเรียนด้านบริหารในระดับปริญญาตรี แต่เมื่อพบว่าสิ่งที่เรียนอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ชอบจึงตัดสินใจออกมาค้นหาตัวเองด้วยการทำงานอยู่หลังบาร์ในร้านดัง ก่อนจะได้รับโอกาสให้มาทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ แล้วจึงย้ายมาทำงานกับ Vesper Bar ที่โดดเด่นด้านการผสานเครื่องดื่มเข้ากับงานศิลปะ


         “ผมชอบพูดคุย ชอบเข้าหาคน ซึ่งเป็นคุณสมบัติของบาร์เทนเดอร์อยู่แล้วจึงเหมือนได้ทำในสิ่งที่ชอบ ยิ่งพอได้มาเรียนรู้เรื่องเครื่องดื่มก็หลงเสน่ห์ความละเมียดละไมในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มแต่ละแก้ว สำหรับผมมองว่าศาสตร์ของการเป็นบาร์เทนเดอร์กว้างมาก อย่างเวลากินข้าว ขนมหวาน หรือเห็นนั่นเห็นนี่ ก็สามารถจุดไอเดียวัตถุดิบใหม่ๆ ให้เราได้ ยิ่งตัวผมเองเป็นคนชอบที่จะลองอะไรใหม่ๆ จึงรู้สึกสนุกที่และชอบที่จะมองสิ่งต่างๆ ให้ออกมาเป็นเครื่องดื่ม”


         เพราะเป็นมือใหม่ที่เคยศึกษาการสร้างสรรค์เครื่องดื่มจากคลิปวิดีโอการแข่งขันดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาสมาก่อน เดชศักดิ์ดาจึงตั้งใจว่าจะต้องเข้าร่วมแข่งขันรายการนี้ให้ได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาเขามีโอกาสได้ร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกและเข้าถึงรอบไฟนอลมาแล้ว ปีนี้จึงนับเป็นอีกปีที่เขาคาดหวังว่าจะทำได้ดีกว่าเดิม เพื่อเป้าหมายที่หวังไว้ว่าจะพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นเวิล์ดคลาสให้ได้ 


         ทั้งนี้การแข่งขัน ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส 2018 “ไทยแลนด์ ไฟนอล” จะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2561 โดยรวมยอดฝีมือในแวดวงค็อกเทลของไทยมาประชันความสามารถกันในการแข่งขันตลอด 2 วัน เพื่อหาผู้ชนะเป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางไปร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายของโลก World Class Global Finals 2018  ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในเดือนสิงหาคม 2561 นี้ มาร่วมลุ้นกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว จะใช่พวกเขาเหล่านี้หรือไม่ ต้องติดตาม

[อ่าน 1,415]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เซ็นทารา เปิดตัว “โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ” ใจกลางเมือง พร้อมอิสระแห่งการเดินทาง
บ้านส้มตำ กรุ๊ป ทุ่มทุน 40 ล้านบาท ปักธงสาขาใหม่ใจกลางทำเลทองอย่าง “รังสิต” ประตูสู่ภาคเหนือและภาคอีสาน
คลายร้อนรับซัมเมอร์ กับเมนูอร่อยเติมความเฟรชให้ร่างกาย จากร้านดังที่ไอคอนสยาม และ ไอซีเอส
“EAT OUT” เฉลิมฉลองเทศกาลอาหารตลอด 90 วัน
ฉลองเทศกาลอีสเตอร์ ที่โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ
ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ จับมือ 2 พันธมิตรรถเช่ารายใหญ่ มุ่งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเหนือระดับ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved