ระเฑียร ศรีมงคล แม่ทัพ X SPRING ชูกลยุทธ์ 'พันธมิตร – เงินทุน – ไลเซนส์'
20 Oct 2021

 

ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ บมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ในศักราชใหม่นับจากปีนี้ เพื่อก้าวสู่กลุ่มธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ต่อยอดความเชี่ยวชาญโลกการเงินปัจจุบันสู่โลกบริการทางการเงินดิจิทัลหรือ Digital Financial Service นั้น ระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ได้ประกาศแผนปักหมุดการเป็นผู้นำธุรกิจการเงินในเมืองไทยด้วย 3 จุดแข็ง 'พันธมิตร–17 ไลเซนส์เงินทุน' ที่ XPG มีฐานเงินทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทและผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ตุนกำไรไว้แล้ว 65 ล้านบาท เชื่อรายได้ในปี 2565 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด รับการขยายตัวของตลาดการเงินดิจิทัลโลกที่มีมูลค่ารวมกว่า 40 ล้านล้านบาท 

 

อะไรที่ทำให้บอกได้ว่า ปีนี้คือ  Big Change ของ 'เอ็กซ์สปริง'

ปีนี้ถือเป็น 'การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' ของ 'เอ็กซ์สปริง' ที่มีทั้งการเปลี่ยนชื่อจาก บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เป็น 'บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล' หรือ XPG โดยบริษัทฯ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นอกจากนี้ ยังได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน จนทำให้สามารถเพิ่มทุนได้สูงถึง 7,111 ล้านบาท ภายในเวลาไม่นาน รวมถึงการร่วมลงทุนจากพันธมิตร เช่น บมจ.แสนสิริ เป็นต้น ใน Digital Financial Service ซึ่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ทำให้เอ็กซ์สปริงมี 3 จุดแข็งด้วย นั่นคือ พันธมิตร, เงินทุนที่แข็งแกร่ง และการมี 17 ไลเซนส์ในมือของเรา อีกทั้งคาดว่าจะมีอีก 4 ไลเซนส์อย่างช้าภายในปีนี้

 

ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจ ด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธุรกิจของเอ็กซ์สปริง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทหลักทรัพย์ การมุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง (Mid-Cap) เป็นหลัก การบริการครบวงจรสำหรับตลาดทุนและโซลูชั่นในการขายโทเคนดิจิทัล (ICO) การยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ และการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุนมนุษย์ (Human Capital) นอกจากนี้ เอ็กซ์สปริงจะพัฒนาต่อยอดในอนาคต ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ (AM) และการลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาด (PE) เพื่อดึงดูดกลุ่มมั่งคั่งที่มีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบใหม่อีกด้วย

 

โครงสร้างบริษัทและบริษัทย่อยในปัจจุบันของ เอ็กซ์สปริง เป็นอย่างไร

บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจการเงินที่พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ดังนี้

  • ธุรกิจหลักทรัพย์                ดำเนินงานโดย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด   
  • ธุรกิจจัดการกองทุน            ดำเนินงานโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด   
  • ธุรกิจบริหารสินทรัพย์          ดำเนินงานโดย บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด  
  • ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล          ดำเนินงานโดย บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด  
  • ธุรกิจจัดการเงินลงทุน

 

 

วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนของ XPG เพื่ออะไร

การเพิ่มทุนทำให้เอ็กซ์สปริงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องทางการเงินสูง ด้วยเงินทุนจากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม 3,094 ล้านบาท และสัดส่วนการเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้เอ็กซ์สปริงมีเงินทุนในมือกว่า 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับการเพิ่มทุนนี้ผมถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและถือเป็นความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก เพราะธุรกิจที่เรามองในอนาคตไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล, ธุรกิจหลักทรัพย์ ถ้าปราศจากทุนที่แข็งแกร่งก็จะไปต่อไม่ได้

 

สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน นอกเหนือการนำมาชำระคืนเงินกู้ที่มีในระดับหลักร้อยล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนน้อยมาก กับเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนแล้ว เรายังจะนำมาใช้ในสองส่วน คือ

            1) ธุรกิจปัจจุบัน เพื่อใช้ขยายธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการโซลูชั่นทางการเงินแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การสนับสนุนการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การขยายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและความสามารถด้านเทคโนโลยี

            2) ธุรกิจดิจิทัล เพื่อมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับบริการด้านการเงิน เนื่องจากเรามองตนเองว่าเราเป็นสตาร์ทอัพ ดังนั้น เราจึงต้องลงทุนกับการสร้างแพลตฟอร์มต่างๆ ให้มากขึ้น โดยพิจารณาว่า บริษัทใดของเราจำเป็นต้องเข้าไปพัฒนา เพื่อเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน อีกทั้งเป็นฐานสำหรับนักลงทุนในการที่จะเข้าไปลงทุนหรือทำธุรกรรมต่างๆ เพราะแม้แพลตฟอร์มของเราจะเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐาน แต่เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่พอ เราต้องทำ Process ด้วย ซึ่งเราได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากต่างประเทศเข้ามาช่วยพัฒนาระบบ Process และดึงคนเข้ามาด้วย เพราะเรามองว่า นี่คือการสร้างอนาคตและเป็นการสร้าง New S-Curve ในช่วงต่อไป

 

แผนการรุกธุรกิจภายหลังการเพิ่มทุนของ เอ็กซ์สปริง เป็นอย่างไร

เราจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ 'Transformation & Leap Forward' เต็มรูปแบบ โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด (XSpring AMC) บริษัทย่อยของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ได้ร่วมมือกับ 'แสนสิริ' 'ร่วมลงทุนในกองสินทรัพย์' ซึ่งประกอบด้วย ลูกหนี้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และพักอาศัย และสัญญาหลักประกัน ซึ่งประกอบด้วย ที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (NPL) เพื่อนำมาบริหารสินทรัพย์ต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว รวมทั้งจะรุกธุรกิจ Digital Finance มากขึ้นผ่าน 'เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล' ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) โดยเราจะออก ICO 2 ตัวในปีนี้ คือ

  • SiriHub Investment Token หรือ โทเคนดิจิทัล เพื่อการลงทุนสิริฮับ ซึ่งเป็น Real Estate-Backed ICO ตัวแรกของประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Token จะมีลักษณะคล้ายหุ้นกู้ แต่ที่แตกต่างคือ Token นี้จะได้เงินจากกระแสเงินสดที่เกิดจากค่าเช่าของอาคาร 'สิริ แคมปัส' (กลุ่มอาคาร 3-6 ชั้น จำนวน 5 อาคาร พื้นที่ 7ไร่ ตั้งอยู่บริเวณโครงการ T77 บนถนนสุขุมวิท 77 อ่อนนุช ห่างจากรถไฟฟ้า 2 นาที) ถือเป็นอาคารคุณภาพดีและอยู่บนทำเลที่ดีมาก และราคาประเมินเมื่อสองปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาท ซึ่งเราเอารายได้ตรงนี้มาแบ่งการลงทุนเป็น 2 กลุ่ม นั่นคือ 1) กลุ่ม A เป็นส่วนของรายได้ 1,600 ล้านบาท ผลตอบแทน 4.5% และ 2) กลุ่ม B เป็นส่วนที่เหลือของรายได้ 800 ล้านบาท ผลตอบแทน 8%

ทั้งนี้ ในสองปีแรกจะมีรายได้จากค่าเช่า และในสองปีหลังก็ต้องมาดูว่า เจ้าของตึกต้องการเอาตึกนี้ไปทำอะไร ถ้าขายแล้วได้เงินต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท กลุ่ม A จะปลอดภัย เพราะได้รับผลตอบแทนสี่ปีแล้วกว่า 30% และเงินต้นได้รับคืนแน่นอน แต่สำหรับกลุ่ม B ซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าจึงได้รับผลตอบแทนมากกว่า นั่นคือ 8% ถ้าหาราคาขายหักค่าใช้จ่ายแล้วต่ำกว่า 2,400 ล้านบาทก็จะขาดทุน เพราะได้จ่ายเม็ดเงิน 1,600 ล้านบาทให้กับกลุ่ม A แล้วที่เหลือให้กลุ่ม B ก็จะไม่ถึง 800 ล้านบาท

แต่อย่างไรก็ตาม ตามทฤษฎีแล้ว ราคาที่ดินโดยเฉพาะในทำเลที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ราคาจะสูงขึ้นตลอด ยกเว้นแต่จะอยู่ในภาวะไม่ปกติอย่างโควิด-19 ดังนั้น คนที่คุ้นเคยกับการลงทุนกับกลุ่มอสังหาฯ จึงคิดว่าน่าที่จะเสี่ยง เพราะผลตอบแทนดีและเมื่อผ่านไป 4 ปีก็จะมีโอกาส Up-Size ด้วย

 

  • Ready to use Utility Token ที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอนเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร รวมถึงการเปิดรับคริปโทในการซื้อที่อยู่อาศัยและชำระค่าส่วนกลางของแสนสิริทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

นอกจากนี้ เอ็กซ์สปริง ยังมีแผนเปิดตัวธุรกิจนายหน้าและผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker & Dealer) ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และการขอใบอนุญาต Digital Asset Fund Manager ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ และ Open-Architecture Licenses เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการหาโอกาสการลงทุนในบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพสูง ​ฯลฯ

 

 

เป้าหมายใน 3 - 5 ปีเป็นอย่างไร

วิสัยทัศน์ของผมกับ เอ็กซ์สปริง คือ เราต้องมีระบบนิเวศ (System) และแพลตฟอร์มที่สามารถเปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งแบบ Traditional และ Digital Asset ซึ่งการสร้างระบบนิเวศ และแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ขนาดนั้นได้จะต้องมีทีมงานที่ดีที่จะเข้ามาทำให้แพลตฟอร์มมีความสมบูรณ์มากขึ้น ทั้งนี้ นอกจากการทำหน้าที่เชื่อมโลกระหว่าง Traditional และ Digital แล้วยังมี Layer บางๆ ขณะที่เราสร้างโปรดักท์หรือเปิดทางเป็นเกตเวย์สำหรับนักลงทุนนั้น เราทำหน้าที่จับคู่คนที่จะหาทุน เข้าด้วยกันกับคนที่มีทุน เพราะคนที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งจะต้องลงทุนในโปรดักท์ที่ดี หรือมีการลงทุนที่ถูกต้องด้วย แล้วภายใต้สภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ คนกลุ่มหลังที่กล่าวถึงนี้มีปริมาณเยอะขึ้น และโอกาสของเราที่จะได้ดีลที่ดีๆ ก็มีมากขึ้น เพียงแต่การกลั่นกรองตองมีความรอบคอบและละเอียดมากขึ้น ซึ่งงานนี้เป็นงานที่ เอ็กซ์สปริง จะต้องทำหน้าที่ให้ดี

     

ปีนี้มองว่า รายได้น่าจะได้สักเท่าไร

ช่วงครึ่งปีแรกเรามีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ที่มีจำนวนรวม 141 ล้านบาท กำไรสุทธิฯ อยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 791% ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวก และเป็นปีที่เราลงทุนกับหลายๆ ตัว ดังนั้น ปีหน้าจะเป็นปีที่สิ่งที่เราลงทุนจะเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางตัวก็อาจจะถึงจุดคุ้มทุนสักประมาณกลางปีหน้า ก็อาจจะยังเติบโตได้ในหลักหลายร้อยล้านบาทแน่ แต่จะถึง 1,000 ล้านบาทหรือไม่ก็ยังบอกไม่ได้

แต่ถ้าเมื่อดิจิทัลเสร็จสมบูรณ์จนสามารถเชื่อมต่อกันได้ และวิสัยทัศน์ที่เรามองไว้บรรลุได้ 70-80% เราก็เชื่อว่า เราจะได้เห็นการเติบโตของกำไรแบบก้าวกระโดดอย่างที่เรียกได้ว่าเป็น Exponential Growth ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องพูดกันถุงรายได้ แต่พูดกันถึงกำไรแล้ว

 

[อ่าน 9,874]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved