“สมาคมธนาคารไทย” วางโรดแมป 3 ปี พัฒนาระบบการเงิน ชู 4 แนวทาง เพิ่มศักยภาพแข่งขันไทย
29 Jun 2022

สมาคมธนาคารไทย วางโรดแมป พัฒนาระบบการเงินช่วง 3 ปีข้างหน้า ชู “4 แนวทาง” รับมือการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการเงิน เสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันเศรษฐกิจไทย  มุ่งนำเทคโนโลยีช่วยภาคธุรกิจปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล สนับสนุนกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และพัฒนา“คนดิจิทัล” รองรับ การเติบโตของธุรกิจการเงิน

 

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “บทบาท 3 องค์กรภาคเอกชนและการทำงานร่วมกันในกกร. เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ในงาน FTI Expo 2022 Shaping Future Industries for Stronger Thailand” มหกรรมแสดงสินค้าและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมไทย เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ว่า  ภาคธุรกิจการเงินมีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งสู่ดิจิทัลแบงกิ้ง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งการมีผู้เล่นหน้าใหม่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank) ที่มีศักยภาพและความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจากรายงาน FinTech in ASEAN 2021 พบว่า ในปี 2021 ประเทศไทยมีบริษัท    ฟินเทครวมจำนวน 268 บริษัท เพิ่มขึ้นจาก 177 บริษัทในปี 2017

 

ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล มีแนวทางจะปรับภูมิทัศน์ภาคการเงินใหม่เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และการเติบโตอย่างยั่งยืน  โดยส่งเสริมการแข่งขันผ่านการเปิดโอกาสให้ภาคการเงินใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูล ภายใต้หลักการ 3 Open ได้แก่

1.Open Competition การแข่งขันที่เปิดกว้างทั้งการแข่งขันจากผู้เล่นใหม่ซึ่งอาจจะไม่ใช่ธนาคารให้สามารถเข้ามาแข่งขันกับผู้เล่นเดิมในอุตสาหกรรม รวมถึงเปิดให้  ผู้เล่นปัจจุบันสามารถปรับตัวเพื่อแข่งขันกับผู้เล่นรายใหม่ได้  

2.Open Infrastructure การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับทั้งผู้เล่นใหม่ และผู้เล่นปัจจุบันให้เข้ามาใช้งานได้ เพื่อให้เกิดการแข่งขันและต่อยอดเชิงนวัตกรรม      

3.Open Data  ส่งเสริมให้เกิดการแบ่งปันและโอนข้อมูล เช่น การสนับสนุนให้มีธนาคารออนไลน์ หรือ virtual bank เป็นต้น

 

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทยได้วางแนวทาง (Roadmap) การพัฒนาระบบการเงินในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อรับมือความท้าทายและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับการแข่งขันของ       ประเทศไทย ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก  โดยมุ่งเน้น 4  ด้าน ดังนี้

 

1.Enabling Country Competitiveness  การเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ  โดยนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจเพื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น โครงการที่สำคัญ เช่น โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business หรือ PromptBiz  เป็นการพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลการค้า การชำระเงิน ข้อมูลผู้ให้บริการทางการเงินและระบบภาษีของภาครัฐผ่านกระบวนการดิจิทัล  อีกโครงการคือ National Digital ID (NDID)หรือการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัล และ ระบบ e-Signature หรือลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์  ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคล และความเสี่ยงทาง     ไซเบอร์อย่างเข้มข้น ตลอดจนผลักดันการวางกรอบแนวทางสนับสนุน ระบบ Open Banking หรือ การสร้างกลไกให้ผู้ใช้บริการทางการเงินในฐานะเจ้าของข้อมูลสามารถบริหารจัดการข้อมูลที่มีอยู่ที่ธนาคารต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลได้สะดวกมากขึ้น ล่าสุด ภาคธนาคารได้เปิดตัวการให้บริการ d-Statement หรือการรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝาก (bank statement) ในรูปแบบดิจิทัลระหว่างสถาบันการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวก และลดต้นทุนของลูกค้า

 

2. Regional Championing การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ นักลงทุนและประชาชนสามารถทำกิจกรรมการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ และการชำระเงินของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ต้นทุนต่ำ โดยสมาคมฯ จะเดินหน้าสนับสนุนการเชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลระหว่างกันในภูมิภาค รวมถึงสนับสนุนระบบสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือ CBDC และต่อยอดสู่การชำระเงินระหว่างประเทศ  โดยมีโครงการที่สำคัญ คือ โครงการ National Digital Trade Platform (NDTP) ร่วมกับ กกร. เพื่อปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมการค้าขายระหว่างประเทศสู่ระบบดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลา และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงการค้าระหว่างประเทศ และเข้าถึงสินเชื่อได้ดีขึ้น

 

3.Sustainability ภาคธนาคารต้องดำเนินงาน และ มีส่วนผลักดันให้การดำเนินงานของภาคเอกชนคำนึงถึงหลักการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนหรือ ESG โดยสมาคมฯ จะผลักดันให้ภาคธุรกิจปรับตัวสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) และ BCG economy หรือโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสมาคมฯ ร่วมกับธปท. พัฒนาแนวปฏิบัติการธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ สมาคมฯ จะร่วมกันแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ยกระดับมาตรการทั้งก่อนและหลังเป็นหนี้ โดยสนับสนุนการจัดทำศูนย์กลางข้อมูลเครดิตให้สมบูรณ์ รวบรวมข้อมูลเครดิตจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร และสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อสามารถแก้ปัญหาได้เบ็ดเสร็จ ควบคู่กับการให้ความรู้ทางการเงินและการเงินดิจิทัล  รวมถึงสร้างกลไกในการเพิ่มวินัยทางการเงินและส่งเสริมการออมเงิน โดยเฉพาะการออมเผื่อเกษียณ นอกจากนี้ ยังมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้มากขึ้น โดยสมาคมฯจะส่งเสริมการใช้ข้อมูลทางเลือกในการพิจารณาสินเชื่อรวมถึงการปล่อยสินเชื่อแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น

 

4.Human Capital  การพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะตอบโจทย์โลกอนาคต สามารถปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบันและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยสมาคมฯ จะเดินหน้าพัฒนาทักษะ (Up & Re-skill) พนักงานธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบที่มีอยู่กว่า 1.3 แสนราย ให้มีความรู้ด้านดิจิทัลมากขึ้น  โดยอาศัยแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ของสถาบันธนาคารไทย (Thai Banking Academy-TBAC)พร้อมยกระดับ TBAC ให้มีบทบาทเป็นศูนย์กลางระดับชาติด้านองค์ความรู้และการวิจัยของอุตสาหกรรมการเงิน เพื่อให้บุคลากรในอุตสาหกรรมการเงิน มีสมรรถนะที่สามารถตอบโจทย์โลกการเงินในยุคดิจิทัลตามมาตรฐานสากล นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น สอดรับกับโมเดลธุรกิจของภาคธนาคารที่มุ่งสู่ดิจิทัลแบงกิ้ง และเน้นความคล่องตัวอย่างเต็มรูปแบบ 

 

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเป็นการฟื้นตัวแบบ The New K-shaped Economy หรือ การฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึงในแต่ละอุตสาหกรรม  หลังสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุด แต่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ ทั้งเงินเฟ้อ สงครามรัสเซีย-ยูเครน การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สภาพคล่องในตลาดเงินตลาดทุนลดลงและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งภายใต้การฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึงจะมีทั้งธุรกิจที่ยังเป็นขาขึ้น เช่น พลังงานสะอาด ยาเพื่อสุขภาพ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ที่มีศักยภาพจะเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศได้ ถ้ามีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง 

 

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มธุรกิจที่เคยเป็นขาขึ้น แต่เริ่มแผ่วลง จากปัจจัยใหม่ที่เข้ามา เช่น ธุรกิจยานยนต์ เป็นต้น กลุ่มที่เคยเป็นขาลงจากมาตรการโควิด-19 แต่เริ่มดีขึ้น เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวและกลุ่มที่ยังเป็นขาลงต่อเนื่อง กลุ่มนี้แม้จะได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 แต่มีข้อจำกัดในการฟื้นตัว เช่น  ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดเล็ก รถโดยสาร เพราะนักท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทั้งนี้  การสนับสนุนให้ธุรกิจต่างๆ  ภายใต้ The New K-shaped Economy สามารถเติบโตไปได้ ต้องอาศัยมาตรการที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ไม่ใช่มาตรการเดียวกันทั้งหมด

 

[อ่าน 1,580]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
MC สุดสตรอง!!! ไตรมาส 3 โชว์กำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5%
สยามพิวรรธน์ เปิดตัวบัตร ONESIAM Global Visitor Card ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่
MK GROUP เผยแผนปี 2568 ชูกลยุทธ์ Value Strategy มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าพร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่
สำเร็จ! ทรู-ปภ. ทดสอบระบบเตือนภัย Cell Broadcast ครบ 3 ระดับผ่านตามแผน
BEAUTY GEMS X BENTLEY BANGKOK รังสรรค์อัญมณีและเครื่องประดับ สู่อัครยนตรกรรมไอคอนิกโลก
POOL&SPA ครองผู้นำตลาดสระว่ายน้ำ รับเทรนด์ชีวิตที่บ้าน-สุขภาพ ดันดีมานด์โตไม่หยุด
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved