บิสโตร เอเชีย ปั้น ‘ฟู้ด สตรีท’ สร้างนิยามใหม่ ‘ตลาดฟู้ดคอร์ท’
13 Oct 2022

 

บิสโตร เอเชีย เดินหน้าลุยตลาดฟู้ดคอร์ทส่ง ‘ฟู้ด สตรีท’ สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า (Customer Experience : CX) ด้วยบรรยากาศใหม่ที่ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากฟู้ดคอร์ททั่วไป และสร้าง Customer Journey ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งสั่ง/ซื้ออาหาร และรองรับการชำระเงินได้ทุกรูปแบบ - ทุกแพลตฟอร์มเป็นแห่งแรกในประเทศไทย

 

ไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการของบริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด 

 

‘แซม’ ไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการบริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัดบริษัทในเครือ ‘ไทยเบฟ’ กล่าวถึงการปรับแนวคิดศูนย์อาหารฟู้ด สตรีท (Food Street) หนึ่งในแบรนด์พอร์ตโฟลิโอของ ‘เครือ บิสโตร เอเชีย’ ว่า

 

“ศูนย์อาหารฟู้ด สตรีท สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพิ่งปิดตัวเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา บนพื้นที่ประมาณ  900 – 1,000 ตารางเมตร ถือเป็นศูนย์อาหารแฟล็กชิพ และเป็นสาขาต้นแบบที่จะถูกนำไปใช้ต่อยอดในการเปิดสาขาต่อไป เนื่องจากฟู้ด สตรีท ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือเป็นการยกระดับ และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า โดยจะเป็นสาขาแรกที่นำระบบดิจิทัลมาใช้ผ่านตู้คีออส เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่ง/ซื้ออาหาร แล้วไปรับที่ร้านที่เลือกไว้ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเข้าคิวสั่งหน้าร้าน อีกทั้งยังรองรับการชำระเงินทุกรูปแบบ ทุกแพลตฟอร์มเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยวิธีการต่างๆ คือ

1) เลือกจากร้านอาหารที่ต้องการ จากนั้นเลือกเมนูซึ่งลูกค้าจะได้รับหมายเลขคิว และสามารถไปรอที่หน้าร้านได้เลย

2) เลือกจากเมนูอาหาร แล้วสแกนจ่าย จากนั้นก็นำหมายเลขคิวไปรอที่หน้าร้านได้

3) เลือกซื้อเป็นบัตร ซึ่งมีหลายระดับราคา จากนั้นเลือกวิธีการชำระเงินผ่านระบบเพย์เม้นต์ต่างๆ ตามที่ต้องการ ซึ่งตู้อีออสของนี้รองรับการชำระเงินทุกระบบทั้ง แอพพลิเคชั่น คิวอาร์โค้ด หรือระบบการชำระเงินชื่อดังของต่างประเทศทั้ง อาลีเพย์ วีแชทเพย์ แรบบิทเพย์ และบัตรเครดิตชั้นนำต่างๆ” 

 

ไพศาล กล่าวว่า “การพัฒนาตู้คีออสดังกล่าว ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้บริการผ่านศูนย์อาหาร ที่นอกจากจะรองรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ารุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับโลกของดิจิทัลแล้ว ยังช่วยแก้ Pain Point ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ประชุม และมักจะประสบปัญหาการใช้เงินสด ขณะเดียวกัน ยังช่วยทำให้ลูกค้าชาวไทยไม่ต้องเสียเวลาในการเข้าคิวเพื่อแลกบัตร รวมถึงต้องเสียเวลาในการรอคิวที่หน้าร้านอาหารอีกด้วย เนื่องจากเราต้องการสร้าง Customer Journey ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดไปสู่การเปิดสาขาใหม่ที่โครงการ One Bangkok ซึ่งจะเป็นอีกศูนย์อาหารภายใต้แบรนด์ ฟู้ด สตรีท ที่จะยกระดับประสบการณ์การใช้บริการศูนย์อาหารไปอีกระดับ”

 

สร้าง New CX ด้วย 4 โซนนิ่ง           

นอกจากการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ จากการใช้บริการผ่านเครื่องมือดิจิทัลแล้ว ฟู้ด สตรีท สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยังให้ความสำคัญกับการเลือกร้านอาหาร ตลอดจนการดีไซน์บรรยากาศภายในศูนย์อาหารให้ฉีกแนวไปจากศูนย์อาหารทั่วๆ ไปที่เป็นลานนั่งโล่งๆ ด้วยการแบ่งเป็น 4 โซนนิ่ง แต่ละโซนจะเลือกใช้สี หรือการดีไซน์ให้เข้ากับโซน เพื่อทำให้เกิดความรู้สึก หรือให้อารมณ์ที่แตกต่างจากการนั่งในฟู้ดคอร์ททั่วไปที่จะมีลักษณะเหมือนกันไปหมด โดย ..

4 โซนนิ่ง ดังกล่าวประกอบด้วย

  • ละเมียด ใช้สีโทนเขียว
  • ละไม     ใช้สีโทนฟ้า
  • จี๊ดจ๊าด   ใช้สีโทนเหลือง
  • จัดจ้าน   ใช้สีโทนแดง

 

“สำหรับการดีไซน์หน้าร้านอาหารแต่ละร้านหรือแต่ละแบรนด์นั้นจะดีไซน์ผ่านเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งจะทำให้มีความหลากหลาย ไม่เป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมดแบบศูนย์อาหารทั่วไป จนแยกแยะหน้าร้านไม่ออก และความหลากหลายจากดีไซน์ต่างๆ นี้เองที่สอดรับกับคอนเซ็ปต์ของ ‘ฟู้ด สตรีท’  ที่เปรียบเสมือนถนนเส้นหนึ่งที่มีร้านอาหารชื่อดังอยู่บนถนน และลูกค้าสามารถเลือกนั่งทานได้ตามต้องการ โดยการออกแบบให้บรรยากาศเสมือนกับการนั่งทานในร้านอาหารที่มีความหลากหลายตั้งแต่ข้าวราดแกงไปจนถึงหูฉลามในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 55 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่ายทั้งพนักงานออฟฟิศ และคนที่มาเดินในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

 

นอกจากความเป็น ‘ฟู้ดคอร์ท (ร้านอาหารในท้องถิ่น) + ฟู้ดสตรีท (ร้านอาหารที่ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของตคนท้องถิ่น)’ แล้วยังมีการนำร้านอาหารที่ได้ ‘มิทชลิน สตาร์’ เข้ามาเปิดจำหน่ายในราคาย่อมเยา เข้าถึงง่าย 2 ราย คือ  ‘ร้านเพ้ง คั่วไก่’ และ ‘ร้านราดหน้า 40 ปี ศาลเจ้าพ่อเสือ’ ที่ได้มิทชลิน สตาร์มา 2 ปีซ้อน โดยร้านค้าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ร้านประจำ 18 ร้านค้า และอีก 8 ร้านค้าที่เป็นร้านค้าหมุนเวียนตามฤดูกาล ซึ่งจะเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน

           

“การทำฟู้ดคอร์ทในปัจจุบันต้องมีแบรนด์ และใช้แบรนด์เป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ดังนั้น จึงเป็นที่มาที่ทำให้ บิสโตร เอเชีย ต้องสร้างแบรนด์ ศูนย์อาหารฟู้ด สตรีท สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ให้มีความเข้มแข็ง และสร้าง Customer Journey ที่ดีในทุก Touchpoint พร้อมทั้งวางตำแหน่งทางการตลาด การสร้างการรับรู้ ตลอดจนการวางยุทธศาสตร์ในระยะยาว

เนื่องจากการทำธุรกิจฟู้ดคอร์ทำไม่ใช่แค่การนำร้านอาหารชื่อดัง อร่อยๆ มารวมอยู่ในศูนย์เท่านั้น หากแต่ถ้าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทั้งจากตัวบริการใหม่ๆ ร้านค้า หรือแม้แต่การดีไซน์บรรยากาศจะเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง และให้ความสำคัญอย่างมาก ทั้งหมดนั้นจึงเป็นที่มาว่า ทำไม บิส โตร เอเชีย ถึงต้องทำฟู้ด สตรีท สาขาศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ให้ออกมาแนวนี้”

 

แผนในอนาคต

ไพศาล กล่าวถึงแผนในอนาคตว่า บิสโตร เอเชีย ยังมีแผนที่จะขับเคลื่อนธุรกิจฟู้ดคอร์ทด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยหุ่นยนต์โรบอทอีกด้วย จากเดิมตอนนี้ที่มีหุ่นยนต์แขนเดียวสำหรับการชงกาแฟ โดยมองการลงทุนระยะยาวที่หุ่นยนต์สองแขน ซึ่งประมวลผลผ่าน AI ทำให้มีความแม่นยำ และมีความเสถียรมากกว่ามนุษย์ ซึ่งเมนูที่จะใช้หุ่นยนต์ปรุงอาหาร เช่น ข้าวผัด เมนูอาหารจีน ขณะเดียวกัน เราก็มุ่งช่วยยกระดับความสามารถหรือทักษะในการใช้เทคโนโลยีให้กับพนักงาน ซึ่งฟู้ด สตรีท สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะถูกใช้เป็นต้นแบบที่จะพัฒนาต่อยอดไปสู่การเปิดสาขาใหม่ๆ ที่จะเป็นการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยังเปิดกว้างค่อนข้างมาก เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

 

บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด เป็นบริษัทในเครือไทยเบฟ ทำธุรกิจร้านอาหาร มีแบรนด์ร้านอาหารในเครือประกอบไปด้วย

  • บ้านสุริยาศัย (BAAN SURIYASAI)
  • ไฮด์ แอนด์ ซีค แอทธินี (HYDE & SEEK Athenee) เร็วๆ นี้จะเปิดเพิ่มอีก 1 สามขา ที่ สีลมเอจ  (15 พฤศจิกายนนี้ )
  • หม่าน ฟู่ หยวน (MAN FU YUAN) ปัจจุบันมี 4 สาขา สาขาราชพฤกษ์ ออริจินอนจากสิงค์โปร และศูนย์สิริกิติ์ และ หม่าน ฟู่ หยวน คิทเช่น 2 สาขา ที่ สามย่านมิตรทาวน์ และ เอ็มควอเทียร์ 
  • โซ อาเซียน (SO Asean Café & Restaurant) 11 สาขา รวม So coffee ด้วย
  • สโมสรราชพฤกษ์ (Rajpruek Club) บริการจัดเลี้ยง 
  • ศูนย์อาหารฟู้ด สตรีท (Food Street) ที่ปัจจุบัน เปิดให้บริการไปแล้ว 4 แห่งคือ เดอะสตรีท รัชดา, อาคาร CW Tower, ThaiBev Quarter และสาขาล่าสุดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

 

การขับเคลื่อนการเติบโตจะสอดรับกับ Passion 2025 ที่ประกอบไปด้วย

  • Build หรือการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ผ่านทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับ และเพิ่มตลาดที่น่าสนใจ
  • Strengthen หรือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในระดับอาเซียน
  • Unlock หรือการนำศักยภาพของบริษัทมาก่อให้เกิดมูลค่าสูงสุด ทั้งมุมทรัพยากรภายใน และเครือข่ายพันธมิตร

 

[อ่าน 2,465]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไมเนอร์ โฮเทลส์ คว้า 26 รางวัลทรงเกียรติ จาก T+L Luxury Awards Asia Pacific ประจำปี 2025
ทรู หนุนสร้างที่ทำงานปลอดภัย เปิดกว้างทุกความหลากหลาย ผ่านคลับ “Bring Your Best” ในงาน “True Colors”
กรุงเทพประกันภัยเร่งจ่ายเคลมสินไหมจากเหตุแผ่นดินไหว สร้างความเชื่อมั่นด้วยการดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่
เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 เชิดชูโรงเรียนทั่วประเทศ
กรุงเทพประกันชีวิต ชักชวนหัวใจดวงน้อย ร่วมเรียนรู้ รู้จักรักธรรมชาติ กับโครงการ Little Heart Care & Learn with Nature
AIS - OR - KTB ผนึกกำลังเดินหน้าธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ปูทางสู่เศรษฐกิจดิจิทัลไทย
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved