Ipsos บริษัทวิจัยการตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคชั้นนำอันดับ 3 ของโลก จัดทำรายงานการศึกษาชุดพิเศษ What Worries the World – What worries Thailand โดยเริ่มเก็บผลสำรวจตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 จำนวน 6,000 คน โดยเก็บผลสำรวจทุกเดือน เดือนละ 1,000 คน ทั่วประเทศไทย ในช่วงอายุ 18-60 ปี
โดยช่วงอายุน้อยกว่า 35 ปี มีสัดส่วน 37% อายุ 35-49 ปี สัดส่วน 35% และอายุ 50-74 ปีมีสัดส่วนของผู้ทำแบบสำรวจอยู่ที่ 28% ซึ่งมีการสำรวจความคิดเห็นประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ 3 ส่วน คือ ด้านสังคม (Societal Focus) ด้านเศรษฐกิจ (Economic Focus) และการปรับใช้ ESG ในธุรกิจและประสบการณ์ของผู้บริโภค (Embedding ESG in Experience)
อุษณา จันทร์กล่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิปซอสส์ จำกัด (Ipsos) กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาผู้คนทั่วโลกมีความกังวลต่อเนื่อง แต่ในปีที่ผ่านหลังจากเกิดสงครามรัสเซียกับยูเครน แม้ทิศทางของสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงและสงครามมีแนวโน้มในทางที่จะยุติในเวลาไม่นานของอนาคต แต่ผู้คนยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องต่อจากนี้ ส่วนในประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศและปัจจัยความไม่แน่นอนความเมืองในประเทศทำให้เกิดความลังเลในการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ทั้งนี้รวมถึงประเด็นความไม่เท่าเทียมในสังคมส่งผลให้คนไทยกังวลในเรื่องของว่างงาน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และเความกังวลใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการทำงานว่าจะเข้ามาทดแทนมนุษย์ โดยผลวิจัยระบุว่ารัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐควรมีหน้าที่ในการสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในสังคม 65% รองลงมาคือสื่อมวลชนที่จำเป็นต้องเผยแพร่โอกาสต่างๆ ให้ผู้คนรับทราบ 26% และองค์กรเอกชนหรือองค์กรสนับสนุนต่างๆ ในการเปิดโอกาสให้ทุกคนที่หลากหลายเข้าถึงอาชีพ 25%
อีกทั้งปัจจุบันผู้คนเข้าถึงการสื่อสารได้ง่ายและเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลาย มีทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์และข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดย 61% มองว่าภาครัฐควรสนับสนุนให้คนไทยมีงานและมีรายได้เพื่อลดอาชญากรรม ส่วน 25% มองว่าการมีสุขภาพจิตที่ดีจะช่วยลดการเกิดอาชญากรรมเช่นกัน ขณะที่การใช้กฎหมายในการบังคับหรือปราบปรามมีเพียง 14% ที่มองว่าช่วยลดอาชญากรรมได้ไม่มาก
ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้นคนไทยมีความกลัวในการใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและเกิดความถดถอย โดย 25% มองว่ายังลังเลในการจัดการกับการใช้เงิน แต่ 64% มองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความหวังซึ่งภายใน 1 ปีข้างหน้าเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ นอกจากนี้ 56% ยังคงกังวลกับอัตราดอกเบี้ยที่มองว่าอาจจะมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้คาดการณ์ว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จะมีความกังวลเรื่องค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้คนไทยกลัวภาระด้านสาธารณูปโภคและน้ำมันเชื้อเพลิง 65% และค่าใช้จ่ายด้านอาหาร 64%
โดยผลวิจัยระบุว่าคนไทยมองใน 3 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพสูงขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายภาครัฐของไทยและอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ในส่วนของธุรกิจขนาดเล็ก เช่น SME ยังคงฟื้นตัวได้ยากหลังจากโควิด-19 คลี่คลายลง แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้น
กรรมการผู้จัดการ อิปซอสส์ มองว่านักการตลาดจะต้องเจาะกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ให้ชัดเจน เนื่องจากในสภาวะที่ผู้คนมีความลังเลในการใช้จ่าย คนจะเลือกแบรนด์ที่ตัวเองเชื่อใจก่อนและซื้อเป็นประจำ ดังนั้นนักการตลาดจะต้องรักษาลูกค้าของแบรนด์ให้ได้ อีกทั้งอิปซอสส์ชี้แรงกดดันภาคธุรกิจจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ ESG โดย 80% ของผู้บริโภคเห็นตรงกัน ยินดีซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ราคาจะแพงกว่าก็ตาม ในส่วนของธุรกิจนั้นแนวโน้มและทิศทางในการปรับใช้ ESG ต้องมีกลยุทธการรับมือและปรับตัวในแนวทางที่แตกต่างกัน
จากผลสำรวจ Reputation Council Report ชี้ให้เห็นถึงความคิดเห็นในสัดส่วน 81% ของสภาสมาชิกกิตติมศักดิ์ ตัวแทนนักสื่อสารองค์กรอาวุโสจากแบรนด์ระดับโลก (Ipsos Reputation Council Members) ต่างเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการนำกลยุทธ์ ESG ฝังเข้าเป็นส่วนสำคัญของระบบธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในแง่ของผู้บริโภค โดยมองว่าแบรนด์สามารถทำเงินและสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ได้ในเวลาเดียวกัน 64% ยินดีซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม