กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) เปิดตัว บริการ 191 Emergency Location Service (191 ELS) อย่างเป็นทางการ ร่วมมือกับ AIS และ Google เพื่อนำเทคโนโลยีระบุตำแหน่งขั้นสูงตามมาตรฐาน AML (Advanced Mobile Location) มาใช้ครั้งแรกในประเทศไทย บริการนี้จะช่วยระบุพิกัดของผู้โทรแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านหมายเลข 191 บนสมาร์ตโฟนระบบแอนดรอยด์เครือข่าย AIS โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติม ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานระบบรับแจ้งเหตุของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล
ที่ผ่านมา อุปสรรคสำคัญของระบบ 191 คือความไม่แม่นยำของข้อมูลสถานที่ หลายครั้งผู้แจ้งเหตุไม่ทราบที่อยู่แน่ชัด ไม่สามารถอธิบายเส้นทาง หรือแม้กระทั่งไม่รู้ว่าตนเองอยู่ตรงไหน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียเวลาในการหาพิกัด และอาจทำให้การช่วยเหลือไม่ทันการณ์
พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) (ผบก.สปพ. ) กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาอุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ ผู้แจ้งไม่สามารถบอกที่อยู่ที่ชัดเจนได้ บางครั้งไม่ทราบว่าตนเองอยู่ที่ไหน ส่งผลให้การเข้าช่วยเหลือล่าช้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน บริการ 191 ELS จะช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการรับแจ้งเหตุและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งกำลังเข้าระงับเหตุล่าช้า
"การส่งพิกัดอัตโนมัติ จะช่วยให้ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วขึ้น ลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน "
วันวิสาข์ มิ่งเจริญ หัวหน้าฝ่ายแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ ประจำเอเซียแปซิฟิค Google อธิบายว่า ระบบ ELS ใช้การผสมผสานของ GPS, Wi-Fi และสัญญาณมือถือ เพื่อหาตำแหน่งที่แม่นยำที่สุด และเมื่อมีการกดโทร 191 ระบบ Android จะส่งพิกัดไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุโดยอัตโนมัติ พร้อมย้ำว่าข้อมูลตำแหน่งจะไม่ถูกเก็บที่ Google แต่ส่งตรงไปยังตำรวจเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส เปิดเผยว่า AIS เดินหน้าพัฒนาเครือข่ายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยยกระดับภารกิจด้านความปลอดภัยของประเทศ ล่าสุด เอไอเอสได้ร่วมกับ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ Google เปิดให้บริการ 191 ELS (Emergency Location Service)
ซึ่งเป็นระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินที่สามารถส่งพิกัดจากสมาร์ทโฟน Android บนเครือข่าย AIS ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง ตามมาตรฐาน AML โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอปพลิเคชัน นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการให้บริการลักษณะนี้
จุดเด่นของระบบคือ ครอบคลุมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้เครือข่าย AIS ทำให้สามารถรับความช่วยเหลือฉุกเฉินได้เช่นเดียวกับคนไทย ขณะเดียวกันยังมีแผนขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานอื่นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน ผู้ใช้มือถือ Android คิดเป็นเกือบ 70% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในไทย จึงทำให้บริการนี้สามารถดูแลประชาชนส่วนใหญ่ได้ตั้งแต่เริ่มต้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการมือถือรายอื่นเข้าร่วมระบบได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในอนาคต
ด้าน จาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. ระบุว่า สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม มุ่งผลักดันการใช้โครงข่ายและเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะด้านระบบสื่อสารฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ บริการ 191 ELS (Emergency Location Service) จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศ ซึ่ง กสทช. ได้สนับสนุนและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้บริการนี้เกิดขึ้นจริงและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กสทช. ยังเร่งขยายการรองรับไปยัง อุปกรณ์ทุกระบบ ไม่จำกัดเพียง Android เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือที่รวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยได้อย่างเท่าเทียม
การเปิดตัวครั้งนี้ไม่เพียงเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน แต่ยังเป็น “มาตรฐานใหม่” ของการรับแจ้งเหตุในไทย ที่จะช่วยให้ประชาชนมั่นใจว่า เมื่อกดโทร. 191 ตำรวจจะรู้ทันทีว่า “คุณอยู่ที่ไหน”
ประโยชน์สำคัญ 4 ด้าน
นอกจากการย่นเวลาเข้าช่วยเหลือ - เพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่งแล้ว ผู้บังคับการ 191 ยังชี้ว่า ระบบใหม่จะช่วยลดปัญหาการโทรหลอกลวงและการแจ้งเหตุเท็จ เพราะสามารถตรวจสอบพิกัดจริงได้ทันที นับเป็นอีกหนึ่งผลพลอยได้ในการสร้างความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของระบบแจ้งเหตุ
การมาของ 191 ELS (Emergency Location Service) ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มความแม่นยำในการรับแจ้งเหตุ แต่ยังเป็นการปูทางสู่ระบบ Smart Emergency ที่สามารถต่อยอดในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบสาธารณสุข เมืองอัจฉริยะ (Smart City) หรือระบบป้องกันภัยพิบัติ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสะดวกสบาย แต่คือ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อสาธารณะ (Digital Public Infrastructure: DPI) ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เบื้องหลังของโครงการนี้เกิดจากการผนึกกำลังของ ตำรวจ – เอกชน – หน่วยงานกำกับดูแล – และผู้พัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก ที่ทำให้ “191 ELS” ไม่ใช่เพียงโครงการนำร่อง แต่คือจุดเริ่มต้นของ ระบบความปลอดภัยดิจิทัลแห่งอนาคต ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ดังนั้น 191 ELS จึงเป็นก้าวใหม่ของระบบความปลอดภัยสาธารณะไทย ที่ไม่เพียงลดความสูญเสียจากความล่าช้า แต่ยังยกระดับความเชื่อมั่นและเตรียมพร้อมสังคมไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล ที่ความปลอดภัยเดินควบคู่กับนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง