Personal branding (การสร้างแบรนด์บุคคล) คือ การสร้างภาพลักษณ์และตัวตนที่เด่นดัง และเป็นเอกลักษณ์ของบุคคลนั้นๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก จดจำ ยอมรับ และสร้างความเชื่อมั่นจากกลุ่มเป้าหมาย โดยผ่านการนำเสนอความเชี่ยวชาญ บุคลิก แนวคิด ไลฟ์สไตล์หรือประสบการณ์ของบุคคลนั้นผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างโอกาสทางธุรกิจหรือความสำเร็จในอาชีพ

หากถามว่าแล้วการที่บุคคลมีแบรนด์ มีความเด่นดังแล้วในมุมของการตลาดจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง สรุปให้ฟังได้อย่างน้อย 5 ประการคือ 

1. สร้างความแตกต่าง (Differentiation)

โลกการตลาดเป็นโลกแห่งการสร้างความแตกต่าง ลองคิดถึงร้านอาหารที่มีเจ้าของร้านที่มีแบรนด์ส่วนตัวดูสิครับ เรานึกถึง iberry group ก็จะนึกถึง คุณปลา อัจฉรา (ซึ่งเราเรียกพี่เค้าว่าปลาไอเบอร์รี่มากกว่าจริงไหม)

2. เพิ่มยอดขาย (Sales)

เคยซื้อของตามใครสักคนไหมครับ อาจจะเป็นเพื่อน พรีเซนเตอร์ ดาราที่เราชื่นชอบ และจะยิ่งน่าซื้อ ถ้าคนที่ป้ายยาเราเป็นเจ้าของบริษัทที่เราชื่นชอบ เราอยากกิน Diamond Grains เพราะ คุณอูน ชนิสรา ร้องเพลงเพราะๆ ให้เราฟังจนติดอันดับชาร์ต

3. สร้างความน่าเชื่อถือ (Reliability)

จะมีใครน่าเชื่อถือไปกว่าเจ้าของสินค้า บางครั้งการใช้ดารานักแสดงอาจสร้างความน่าตื่นเต้น แต่การใช้เจ้าของกลับดูน่าเชื่อถือกว่า CK Cheong หรือ ซีเคเจิง เป็นตัวอย่างที่ดีกับการเป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน Fastwork ที่เป็นศูนย์รวมของฟรีแลนซ์เกือบทุกชนิด ตั้งแต่ออกแบบกราฟิก ไปจนนวดแผนโบราณ จากที่ไม่เคยเรียกใช้บริการมาก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นแอปอันดับหนึ่งของประเทศไทย

4. การขยายแบรนด์ (Brand Extension)

ร้านปิ้งย่าง Nice to meet you, ร้านชาไข่มุก Fire Tiger, ร้านเกศเตี๋ยว, Mil Toast Dosan Dalmatians และเรากำลังจะได้พบกับร้านอาหารญี่ปุ่น Rollishi ที่สยามสแควร์, ร้านก๋วยเตี๋ยวเกาหลี Daelim Korean Noodle และร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม Cheong Dam ที่ Dusit Central Park ที่กล่าวมาเป็นธุรกิจที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากของ รวยไม่หยุดกรุ๊ป ที่มีผู้บริหารชื่อดังสองท่านคือ คุณเกศ - ชุติมา เปรื่องเมธางกูร และ คุณแนท - นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ ที่ว่ากันว่าเราจะได้เจอทั้งหมด 18 แบรนด์สมชื่อรวยไม่หยุดจริงๆ

5. สร้างรายได้เสริมและธุรกิจเสริม (Sideline)

ผู้บริหารหลายท่านที่เป็นที่รู้จักจนเรียกว่าเป็น KOL ได้แล้ว นอกจากธุรกิจหลักแล้วก็จะขยายไปทำงานเสริมได้อีกมากมาย ตั้งแต่เป็นพรีเซนเตอร์ ออกซิงเกิล รวมถึงไปบรรยายให้กับหลักสูตรต่างๆ คุณต่อ เพนกวิน ที่ทำร้าน Penguin Eat Shabu จนโด่งดัง เป็นคนที่ Personal Branding แข็งแรงมาก และพัฒนาแบรนด์ตัวเองไปสู่การทำช่อง YouTube, TikTok จัดงาน Restech จัดหลักสูตรปริญญาโทธุรกิจร้านอาหาร เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม และบรรยายทั่วประเทศ (กำลังรอลุ้นให้ออกซิงเกิลซักเพลง อิอิ)

1. คุณเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เบอร์หนึ่งขององค์กรเสมอ จงให้ความสำคัญกับตัวคุณเอง และต้องให้คนในบริษัทให้ความสำคัญด้วย

2. แบรนด์ดิ้งส่วนตัวของคุณสำคัญพอๆ กับแบรนด์ของบริษัท จงสร้างแบรนด์ทั้งสองไปพร้อมๆกัน ให้เสริมกันและกันแบบมี Synergy 

3. สื่อสารแบรนด์ของคุณอย่างมีกลยุทธ์ ทั้งแนวกว้าง ยาว ลึก หมายถึงสื่อสารหลากหลายช่องทาง หลากหลายรูปแบบ มีความต่อเนื่องในระยะยาว

4. การใส่, ใช้, แนะนำผลิตภัณฑ์ของคุณเองทุกๆ วันเป็นเรื่องดี เช่น ใส่เสื้อผ้าของบริษัท ใช้สินค้าของบริษัท Tie-in สินค้าแบบเนียนๆ เสมอ

5. หาข้อมูลว่าลูกค้าชอบและไม่ชอบแบรนด์ของคุณอย่างไรบ้าง เพื่อนำไปปรับปรุงและอัปเดตแบรนด์ของบริษัท และแบรนด์ของตัวคุณเอง สำหรับแบรนด์ใหญ่การทำ Social Listening อาจมีความจำเป็น เพราะจะได้รู้ว่ามีใครพูดถึงแบรนด์คุณ และตัวคุณอย่างไรบ้าง ลองถาม Chatgpt ดูก็ได้ว่ารู้จักตัวคุณมากแค่ไหนอย่างไร

6. ชีวิตส่วนตัว และชีวิตส่วนรวมของคุณอาจต้องหลอมรวมเป็นเรื่องเดียวกันมากขึ้นในเวลาที่คุณทำ Personal Brand ดังนั้นการออกสู่ที่สาธารณะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม

7. ทำตัวให้น่าเชื่อถือ โปร่งใส และดีงามเสมอ เพราะทุกอย่างตรวจสอบได้ การทำสิ่งที่ดีงามไว้ก่อน ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นสิ่งที่ดี การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องระยะยาว การสะสมความดีก็เช่นกัน

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก, อีลอน มัสก์, ทิม คุก, แจ็ค หม่า, คุณตัน, คุณท็อป - จิรายุส, คุณตี๋เล็ก - คมสันต์ ลี, คุณพีช - พชร ทุกท่านเหล่านี้สร้าง Personal Brand สำเร็จไปแล้ว เชื่อว่าทุกคนจะนึกถึงแบรนด์ของแต่ละท่านได้เป็นอย่างดี หวังว่าในอนาคตเราจะเห็น CEO ที่เป็นที่โด่งดัง น่าจดจำ และทำความดีอีกมากมายหลายท่าน ดังแล้วอย่าลืมบอกว่าอ่านมาจาก MarketPlus นะครับ 

บทความจากนิตยสาร MarketPlus ฉบับที่ 180 October 2025