
นี่คือการยกระดับจากการเป็นเพียง “ผู้ค้าออนไลน์” ไปสู่ “ผู้ออกแบบระบบนิเวศธุรกิจไทย” ที่ช่วยให้แบรนด์ท้องถิ่นมีโอกาสแข่งขันในเวทีสากล ตอบรับทั้งเทรนด์ Soft Power ไทย และกระแสความนิยมสินค้าจากเอเชีย (Asian Power Brand) ที่กำลังมาแรง
สร้างแพลตฟอร์มเชื่อมตลาด – ไม่ใช่เพียงขาย แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่ให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงผู้ซื้อโลกได้ง่ายขึ้น
ยกระดับแบรนด์ท้องถิ่น – เน้นการสร้างคุณค่า (Value Creation) ให้สินค้าไทย เช่น การเล่าเรื่องราว (Storytelling) และการสร้างภาพลักษณ์ให้เทียบเท่าสินค้านำเข้า
ใช้เครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศ – อาศัยประสบการณ์และคอนเนกชันจากธุรกิจเดิม ขยายโอกาสสู่ตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น จีน ตะวันออกกลาง และยุโรป
ปัจจัยที่ทำให้กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นได้ในช่วงเวลานี้ ได้แก่
ตลาดออนไลน์โลกโตต่อเนื่อง ผู้บริโภคต่างชาติเปิดกว้างกับสินค้าใหม่ โดยเฉพาะสินค้าจากเอเชีย
Soft Power ไทยกำลังรุ่ง ตั้งแต่อาหาร ดนตรี ไปจนถึงแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์
โครงสร้างโลจิสติกส์และดิจิทัลพร้อมกว่าเดิม ทำให้การส่งออกขนาดเล็ก–กลาง (SME Export) เป็นไปได้จริง
คมสันต์ชี้ว่า ความท้าทายของผู้ประกอบการไทยไม่ใช่คุณภาพสินค้า แต่คือการเข้าถึงตลาดโลกและการสร้างภาพลักษณ์ ดังนั้นธุรกิจใหม่นี้จะไม่เพียงเป็นช่องทางขาย แต่เป็น โมเดลธุรกิจเพื่อผลักดัน Soft Power ให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นี่ไม่ใช่แค่การเริ่มธุรกิจใหม่ แต่คือการปักหมุดทิศทางอนาคตของแบรนด์ไทยในเวทีโลก หากสำเร็จ จะเป็นต้นแบบการยกระดับผู้ประกอบการไทยจากผู้ผลิตท้องถิ่น สู่ผู้เล่นในเกมเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน





