ความสำเร็จในครึ่งปีแรกนี้ สะท้อนถึงการตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งจากปัจจัยโครงสร้างประชากร ความตระหนักด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาวะ Medical Inflation หรือค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ประกันสุขภาพ และ ประกันโรคร้ายแรง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2025 จะมีมูลค่าเบี้ยประกันรวมกว่า 15,000 ล้านบาท
อาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ “Lifetime Partner 27: Driving Excellence” มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งใน 3 เสาหลัก:
Strengthen Distribution (เสริมความแข็งแกร่งช่องทางจัดจำหน่าย): ขยายช่องทางอย่างครอบคลุม ทั้งการเพิ่มความร่วมมือในกลุ่ม Bancassurance และสถาบันการเงิน เพิ่มจำนวนตัวแทนที่มีประสิทธิภาพพร้อมเครื่องมือดิจิทัล (Agency) รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก Direct Marketing, Brokers และช่องทาง Digital โดยเฉพาะการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและการท่องเที่ยว
Customer FIRST (ลูกค้าต้องมาก่อน): ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติ ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันเกษียณอายุ และ กรมธรรม์ควบการลงทุน (Unit-Linked) ที่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินระยะยาว พร้อมมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านการเคลม โดยราว 90% ของการเคลมผ่านโรงพยาบาลคู่สัญญา ไม่ต้องสำรองจ่าย และมีมาตรฐานในการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 30 นาที เพื่อความรวดเร็วสูงสุด
People Development (พัฒนาบุคลากร): ลงทุนในการพัฒนาศักยภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานกว่า 800 คน พร้อมนำ Generative AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างสรรค์เนื้อหา และการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ รวมถึงการพัฒนาภาวะผู้นำด้วยโปรแกรมฝึกอบรมที่ผสานศักยภาพ AI เข้ากับทักษะการวิเคราะห์ของมนุษย์
เพื่อความรวดเร็วและสะดวกสบาย เจนเนอราลี่ได้ลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทำงาน:
GenWings (สำหรับตัวแทน): เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวแทนโดยเฉพาะ เช่น การคำนวณเบี้ยอัตโนมัติ และการประเมินผลอนุมัติเบื้องต้นทันที
GEN 365 (สำหรับลูกค้า): เตรียมปรับโฉมแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ทั้งบริการ E-Claim ที่รวดเร็วขึ้น และความสามารถในการ สลับกองทุน ในกรมธรรม์ Unit-linked ได้เอง
นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมไทยสู่ความยั่งยืน ผ่านโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ The Human Safety Net (THSN) ที่ร่วมมือกับมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย สะท้อนถึงบทบาทของบริษัทที่มุ่งมั่นเป็น “Lifetime Partner” ของลูกค้าและสังคมไทย