BGIC ลงสนามอุตสาหกรรมยาสมัยใหม่ ภายใต้แนวคิดพัฒนา “ชีวเภสัชภัณฑ์”
22 Sep 2019

“BGIC” พร้อมรุกเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ร่วมมือทุกภาคส่วนพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ หลังพบตลาดยาแผนปัจจุบันไทย 1.8 แสนล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง 6.5% ต่อปี พบ “ยาชีวภาพ” เติบโตพรวด 16-19% ส่อแววเพิ่มสัดส่วนจาก 30% เป็น 50% ใน 5-10 ปี

มารุต บูรณะเศรษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BGIC) ผู้พัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เกี่ยวกับชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical Products) และอื่นๆ เปิดเผยว่า BGIC ตนเห็นโอกาสและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมการผลิตยาด้วยเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศ ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยได้มีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถาบันการศึกษางชั้นนำในการร่วมมือกันเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชภัณฑ์ มุ่งสู่การเป็นผู้นำในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ของประเทศ

ในปี 2561 ตลาดยาแผนปัจจุบันทั่วโลกมีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท เติบโต 6.5% โดยยาที่มีการเติบโตสูงและกำลังเป็นที่นิยมคือยาชีววัตถุ มีอัตราการเติบโตสูงถึง 13% ขณะที่ในเอเชียมีการเติบโตถึง 19% สูงกว่าอัตราการเติบโตโดยรวม ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นต่อไป

ส่วนภาพรวมของตลาดของประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 1.8 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 6.5% โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นตลาดยาที่เป็นเคมีสังเคราะห์ประมาณ 70% ซึ่งทั้งหมดเป็นการนำเข้าทั้งในรูปแบบวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตในประเทศและนำเข้ามาในรูปแบบยาสำเร็จรูป

แต่พบว่ายาชีวภาพมีสัดส่วน 30% เติบโตสูงถึง 16-19% และมีแนวโน้มว่าจะมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 5-10 ปี โดยคาดว่าประเทศไทยจะสามารถทำการและผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ จากงานวิจัยภายในประเทศได้เองในอนาคตอันใกล้

มารุต กล่าวอีกว่า BGIC มีการจัดรูปแบบระบบการบริหารจัดการในโครงการต่างๆ ระบบรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างดี โดยเป็นผู้เชื่อมโยงสร้างระบบความร่วมมือจากภาคส่วนสำคัญ ๆ เช่น ภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการยกระดับอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical Industry) ของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับโลก

ทั้งยังมีแนวทางการสร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเข้าร่วมลงทุน เพื่อสร้างพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้ประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในการที่จะร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ให้เป็นที่แพร่หลายในประเทศ ด้วยการเข้าร่วมเตรียมความพร้อมและสร้างศักยภาพในการขับเคลื่อนเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมผลิตยาชีววัตถุของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนเป็นมาตรฐานสากล

มารุต กล่าวด้วยว่า บันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ มจธ ครั้งนี้จะช่วยให้เกิดการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการผลิตยาชีวภาพจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย อันจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตของคนไทยและพร้อมที่จะพัฒนาต่อให้เกิดมาตรฐานในระดับสากลอันจะช่วยให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้ซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายถึงความมั่นคงอุตสาหกรรมยาให้กับประเทศได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงการร่วมพัฒนาและผลิตบุคลากรอันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง

“ส่วนตัวผมมีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพควบคู่กับเทคโนโลยีดิจิทัลมานานพอสมควร จนได้รับโอกาสให้เข้ามาร่วมศึกษาแนวทางการสร้างประโยชน์ประเทศจากอุตสาหกรรมนี้ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ใหม่สำหรับประเทศ แต่ด้วยเหตุผลที่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่จะเป็นสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์สำหรับประเทศ

ถ้าเราสามารถทำให้เกิดระบบที่สามารถเชื่อมโยงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงภาคการศึกษาและสร้างให้เป็น Ecosystem ที่เกื้อกูลกัน ทำให้รูปแบบการขับเคลื่อนมีความคล่องตัวมีการบริหารจัดการแบบมืออาชีพที่เน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วนก็จะสามารถคือการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและนำพาประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ของโลกนี้ด้วย New S-Curve ที่มีรากฐานที่แข็งแรงอย่างเต็มภาคภูมิ”

มารุต กล่าวในตอนท้ายว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพนับวันจะเติบโตและมีมูลค่าที่สูงมากขึ้นในต่างประเทศ เพราะเป็นที่ยอมรับทั้งจากแพทย์ผู้รักษาและผู้ป่วยว่าชีวเภสัชภัณฑ์มีคุณสมบัติในการรักษาโรคร้ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ยาที่มาจากเคมี สังเคราะห์

ดังจะเห็นได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์ยาติดอันดับ Top 20 ในตลาดยาทั่วโลกในปี 2561 เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนเป็นชีวเภสัชภัณฑ์แล้วถึง 13 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในช่วงจากนี้ไปอีกหลายปี

[อ่าน 3,443]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จัก “ปิ่นเพชร โกลบอล” ผู้อยู่เบื้องหลัง “ฮากุ” แบรนด์ทิชชู่เปียกของคนไทย
ดิษทัต ปันยารชุน วางรากฐาน OR เตรียมส่งไม้ต่อให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
วีรพล สวรรค์พิทักษ์ ยุทธศาสตร์ Eminent Air สู่ทศวรรษที่ 5
บทพิสูจน์ MAZDA เพื่อก้าวสู่ การเติบโตที่ยั่งยืน
ซีเล็คทูน่า x Sesame Street ครั้งแรกของโลก เมื่อก๊วนเพื่อนแสนซน แห่งถนนเซซามี่ มาอยู่บน ทูน่ากระป๋อง
เปิดใจ ‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ ทำอย่างไร ให้ร้านอาหารในเครือ ‘บิสโตร เอเชีย’ สามารถเข้าถึงโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ได้
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved