เส้นทางสู่ยุทธศาสตร์ นมแห่งชาติภายในปี 2564 ของ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในปีนี้ถูกคั่นจังหวะด้วยความท้าทาย จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งระดับโลกและประเทศไทยและแน่นอนว่า ส่งผลกระทบถึงผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียตลอด 'โซ่คุณค่า' (Value Chain) ของ อ.ส.ค. นับแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ผู้ค้า ผู้ประกอบการมิลค์แลนด์ ฯลฯ
นี่จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายทั้งกับองค์กร อ.ส.ค.และผู้บริหารอย่าง สุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ซึ่งเข้ามารักษาการในช่วงวิกฤติโควิด-19 พอดี
สุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)
ช่วงวิกฤติโควิด-19 อ.ส.ค. ได้รับผลกระทบหรือไม่ อย่างไร
นับแต่การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต้นปีนี้ อ.ส.ค.ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เป็นระยะ โดยในเฟสแรกๆ ของการล็อกดาวน์ที่มีแคมเปญ 'อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ' ผู้คนออกมาข้างนอก จับจ่ายตามปกติไม่ได้ ผู้คนออกนอกบ้านไม่ได้ ห้างสรรพสินค้าก็จำหน่ายสินค้าตามปกติไม่ได้ อ.ส.ค. เองก็ไม่สามารถกระจายสินค้าถึงผู้บริโภคเป็นล็อตใหญ่ๆ แบบข้ามจังหวัดได้แค่ระยะสั้นๆ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลที่ว่า หากมีการเดินทางข้ามจังหวัดจะต้องถูกกัดตัว 14 วัน ในช่วงนั้นการทำงานของ อ.ส.ค.ก็มีการสลับกันทำงานจากบ้านด้วย
ตรงนี้นี่เองที่ทำให้เราปรับตัว ด้วยการเปิดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง ลาซาด้า และ ช้อปปี้ ซึ่งถือเป็นผลกระทบเชิงบวกที่ทำให้เราต้องคิดปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คได้ง่ายขึ้น พร้อมกับทำแคมเปญโปรโมชั่นสนับสนุน เพิ่มเติมจากคู่ค้าของ อ.ส.ค.ที่ต่างก็มีช่องทางออนไลน์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น เทสโก้ บิ๊กซี แมคโคร เซเว่น-อีเลฟเว่น ฯลฯ
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เราได้เห็น อ.ส.ค. ทำโปรโมชั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อดึงเงินจากผู้บริโภค
ปกติ อ.ส.ค. ไม่ค่อยได้ทำรายการโปรโมชั่นมากนัก แต่ในกรณีนี้ต้องมองเป็นสองส่วน นั่นคือ
หนึ่ง ภาพรวมทั้งตลาด เนื่องจากในช่วงต้นปี ต้องยอมรับว่า กำลังซื้อในตลาดลดลง นอกจากการสั่งซื้อทางออนไลน์ ดังนั้น อ.ส.ค.จึงได้ทำแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ทั้งเทรดโปรโมชั่นกับร้านค้าและแคมเปญโปรโมชั่นกับผู้บริโภค เนื่องจากร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายรวมทั้งร้านมิลค์แลนด์เองก็ได้รับผลกระทบด้วย ขณะที่การทำโปรโมชั่นกับผู้บริโภคก็มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ อ.ส.ค. และส่งเสริมให้มีการดื่มนมเพิ่มขึ้นด้วย จากปกติที่คนไทยดื่มนมเพียง 18 ลิตรต่อปี ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ก็มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้สามารถจำหน่ายน้ำนมดิบได้ตามปกติด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า การทำรายการส่งเสริมการขายของเราเป็นการช่วยทุกคนในกระบวนการโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ
สอง เกษตรกร ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่า อ.ส.ค.มีภารกิจหลักที่จะต้อง 'ส่งเสริมกิจการโคนม' ตามชื่อขององค์กร ทั้งในส่วนของการส่งเสริมและพัฒนาทางด้านการผลิตน้ำนมดิบของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม และการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากการทำ MOU หรือ บันทึกข้อตกลงการบริหารจัดการน้ำนมโค ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศไทยทุกราย รวมทั้ง อ.ส.ค.จะต้องทำกันทุกปีว่า จะซื้อนมจากสหกรณ์ใด ปริมาณทั้งปีเท่าไร โดยปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรก็จะขึ้น-ลง จากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของการทำฟาร์มโคนม ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนแม่โค การเพิ่มปริมาณการผลิตและพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบ ฤดูกาล นั่นคือ ปริมาณน้ำนมดิบจะลดลงในฤดูฝนและเพิ่มสูงขึ้นในฤดูหนาวจนถึงฤดูร้อนฯลฯ โดยปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบก็จะอนุโลมปริมาณการรับซื้อบวกลบโดยเฉลี่ย 7% จากที่กำหนดกันใน MOU
ทั้งนี้ กำลังผลิตน้ำนมดิบรวมในปัจจุบันของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 3,300 ตัน/วัน ในจำนวนนี้ อ.ส.ค.รับซื้อน้ำนมดิบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 665 ตัน/วัน แต่ด้วยการพัฒนาศักยภาพของการทำฟาร์มโคนมที่เพิ่มขึ้นนี้ อ.ส.ค.ได้รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเพิ่มเป็น 745 ตัน/วันมาระยะหนึ่ง เท่ากับรับซื้อเพิ่มจากเดิม 80 ตัน/วัน
ด้วยเหตุนี้การผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คให้เพิ่มขึ้นจึงเท่ากับเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ขณะเดียวกันร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและอื่นๆ ก็ไปด้วยกันได้เช่นกัน
ยุทธศาสตร์ช่วงครึ่งหลังของปีนี้และเดินต่อไปปี 64 จะเป็นอย่างไร
ยังต้องบอกที่คำเดิม นั่นคือ 'การปรับตัว'
เพราะเราอาจจะทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เนื่องจากช่องทางที่เป็นแบบเดิมอาจจะถูก Disrupt ไปแล้วหลายๆ อย่าง ดังนั้น การยึดติดกับอะไรเดิมๆ ช่องทางเดิมๆ บางทีอาจจะเป็นอุปสรรคของการดำเนินงานหรือการเติบโตโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ที่เราจะต้องเดินหน้าต่อคือ
หนึ่งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นกลุ่ม High Value Added Product ล่าสุดก็ออกนมเปรี้ยวพร้อมดื่มยูเอชที ปราศจากไขมัน กลิ่นเสาวรสผสมบุก ตราไทย-เดนมาร์ค ชิวดี (Chew-D) ขนาดบรรจุ 200 มล.ราคา 16 บาท โดย อ.ส.ค.ได้จัดวางให้อยู่ในหมวด อาหารว่างเพื่อสุขภาพ (Healthy Snacks) ที่สามารถดื่มแทนมื้ออาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักได้ เนื่องจากวัตถุดิบผลิตจากน้ำนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง ปราศจากไขมัน และใช้ชูกาเวีย ซึ่งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่น้อยมากๆ เพียง 60 กิโลแคลอรี่เท่านั้น และมีชิ้นบุกให้เคี้ยวเพลินๆ ให้พลังงานน้อยแต่อร่อย และอยู่ท้อง มีประโยชน์มากกว่าโยเกิร์ตสูตรปกติ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ชอบดื่มนม แต่ก็อยากควบคุมน้ำหนัก ดูแลรักษารูปร่าง มองหาประโยชน์จากโยเกิร์ตพร้อมดื่มเพื่อสุขภาพด้วย ในช่วงนี้ ชิวดี ทำตลาดบนช่องทางออนไลน์ โดยตั้งเป้าขายที่เดือนละ 5 ล้านบาท ขณะเดียวกัน อ.ส.ค.ได้วางเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในทุกปี เพื่อเพิ่มสัดส่วนตลาดธุรกิจตลาดนมพร้อมดื่มดั้งเดิมกับตลาดโมเดิร์นเทรดเป็น 50:50 ภายในปี 2564
สอง สร้าง Engagement กับคนรุ่นใหม่และแฟนคลับ อ.ส.ค.ก็จะเน้นทำตลาดกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเพิ่งเปิดตัวศิลปิน BNK 48 เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับร้านมิลค์แลนด์ เป็นการสร้างสีสันให้กับร้านมิลค์แลนด์ที่เงียบๆ ไปบ้างช่วงล็อกดาวน์ที่ห้างสรรพสินค้าเปิดตามปกติไม่ได้ ซึ่งทาง อ.ส.ค. ก็ช่วยสนับสนุนนมจำนวนหนึ่งให้กับร้านมิลค์แลนด์ เพื่อประคองธุรกิจของคู่ค้าให้สามารถวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน พร้อมกันนี้ ล่าสุด อ.ส.ค. เพิ่งจัดฟรีคอนเสิร์ตออนไลน์ 'ทอม อิศรา' และ 'ว่าน ธนกฤต' ผ่านโปรแกรม Zoom โดยเจาะกลุ่มแฟนคลับ และผู้ที่สนใจที่จะเล่นเกมชิงรางวัลกับรายการก็ร่วมสนุกได้เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คขั้นต่ำ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งก็สามารถสร้างรายได้เกือบ 1 ล้านบาท ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีและสามารถเพิ่มยอดไลค์บนแฟนเพจ Thai-Denmark Fan Club ได้ดีทีเดียว
สามโฟกัสกับการทำการตลาดแบบ O2O ออนไลน์ทูออฟไลน์ เพื่อให้สองช่องทางนี้สนับสนุนซึ่งกันและกัน เนื่องจากแนวโน้มการจับจ่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมีมากขึ้น ดังนั้น เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ อ.ส.ค.ได้เร่งศึกษาช่องทางการจัดหน่ายเพิ่มขึ้น ทั้งผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า ช้อปปี้ ผ่านช่องทางเดลิเวอรี่และช่องทางออนไลน์ใหม่ๆ พร้อมกับทำการสื่อสารผ่านหน้าแฟนเพจถึงการวางผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใดบ้าง หรือโปรโมชั่นของสินค้า ฯลฯ
สี่ เน้น Sport Marketing อ.ส.ค. ยังคงโฟกัสกับสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งก็มีกีฬาหลายชนิดที่ อ.ส.ค.สนับสนุนกันต่อเนื่อง อาทิ เจ็ตสกี วอลเลย์บอล ทีมฟุตบอลบางกอกกลาส และปลายปีนี้น่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวอีกครั้งเกี่ยวกับ Sport Marketing ของเรา
อ.ส.ค.กำลังก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ที่มาและเหตุผลคืออะไร
เนื่องจากอาคารสำนักงาน อ.ส.ค. กรุงเทพฯ ที่ตลาด อ.ต.ก. มีสภาพคับแคบ โดยเฉพาะในส่วนพื้นที่ใช้สอยในสำนักงาน และพื้นที่ภายในองค์กรไม่สะดวกแก่ผู้มาติดต่อประสานงาน อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประจำทุกปี จากปัญหานี้เอง อ.ส.ค. จึงได้จัดทำโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อ.ส.ค. กรุงเทพฯ แห่งใหม่ เป็นอาคารสามชั้น บนที่ดินที่ราชพัสดุ พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ บริเวณตลาดไทย ปทุมธานี เพื่อเป็นสถานที่หลักในการดำเนินกิจการ และด้านข้าง อ.ส.ค. ก็ก่อสร้างเป็นร้านมิลค์แลนด์แห่งใหม่ที่มีความสวยงาม และครบครันอีกด้วย
สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน อ.ส.ค.กรุงเทพฯ คณะกรรมการ อ.ส.ค.ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน อ.ส.ค.กรุงเทพฯ เป็นการถาวร โดยใช้งบก่อสร้างเฟสแรก 50 ล้านบาทและเฟสสอง 36 ล้านบาทรวมทั้งสิ้น 86 ล้านบาทโดยจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมกิจการด้านโคนม ตลอดจนช่วยเหลือให้คำปรึกษาแก่เกษตรกร รวมไปถึงส่งเสริมและสนับสนุนการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมในประเทศ รวมถึงดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมกิจการด้านธุรกิจอุตสาหกรรมโคนม