"อิเกีย" เพราะที่นี่คือ "ครอบครัว"
05 Apr 2017

          ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อครั้งที่ ‘อิเกีย’ (IKEA) ห้างเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสัญชาติสวีเดน ได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในเมืองไทยที่สาขาบางนา คงไม่มีใครเชื่อว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนเกมครั้งสำคัญของตลาดเฟอร์นิเจอร์เมืองไทย ที่ทำให้ไลฟ์สไตล์การแต่งบ้านของคนไทยไปอย่างสิ้นเชิง


          ความสำเร็จของ ‘อิเกีย บางนา’ กำลังจะขยายต่อยอดไปยัง ‘อิเกีย บางใหญ่’ ที่เดินหน้าก่อสร้างกันเต็มกำลังเพื่อให้ทันการเปิดตัวในต้นปี 2561 ด้วยพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร ทำให้อิเกียต้องเร่งจัดเตรียมบุคลากรที่จะมาทำงานเพิ่มอีกกว่า 300 ตำแหน่ง ทั้งพนักงานประจำและพาร์ทไทม์


          หากแต่คนที่จะเข้ามาอยู่ในครอบครัวอิเกียได้นั้น ต้องเป็นคนที่ ‘ใช่’ และเป็นคนสไตล์อิเกียจริงๆ


          งานนี้อิเกียจึงต้องส่ง ‘มือโปร’ ด้านการจัดสรรทรัพยากรบุคคลอย่าง โทมัส สปิวท อิริคสัน หัวหน้าฝ่ายจัดจ้างและบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลระดับภูมิภาค อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาดูแลด้านการเปิดบ้านรับสมัครพนักงานใหม่ ‘อิเกีย บางใหญ่’ โดยเฉพาะ 


          โทมัสเริ่มต้นเล่าให้เราฟังถึงทิศทางและนโยบายในการรับสมัครพนักงานของอิเกียว่า “ตัวผมเองจะอยู่ในส่วนของการให้คำปรึกษา มอบนโยบายและทิศทางมากกว่า คงไม่ได้ลงไปสัมภาษณ์เองโดยตรง เนื่องจากที่อิเกียประเทศไทยมีฝ่ายทรัพยากรบุคคลดูแลในหน้าที่นี้อยู่แล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยจะรู้จักคนไทยด้วยกันดีที่สุด และผมก็จะช่วยแชร์ประสบการณ์และให้คำปรึกษาในภาพรวม”


          ด้วยตำแหน่งที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแผนกขาย แผนกลูกค้าสัมพันธ์ แผนกอาหารและเครื่องดื่ม แผนกโลจิสติกส์ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นการทำงานกับผู้คนที่มีความหลากหลายทั้งในเรื่องอายุ เพศ ศาสนา หรือกระทั่งเชื้อชาติ อิเกียจึงมีคุณสมบัติหลัก 3 ข้อในการมองหาพนักงาน คือ 1.ค่านิยมตรงกัน พนักงานจะต้องมีค่านิยมเดียวกันกับอิเกีย เพื่อเป็นแนวทางในการทำงานร่วมกัน 2.มีความสนใจในเรื่องการตกแต่งบ้าน มีความตั้งใจในการมอบความรู้และโซลูชั่นแก่ลูกค้าได้ และ 3.ความรักในการบริการ มีความตั้งใจในการช่วยเหลือลูกค้า

 


          ส่วนในเรื่องคุณสมบัติอื่นๆ อย่างประวัติการศึกษาก็ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์เป็นพิเศษ ด้านภาษาอังกฤษถ้าพูดได้ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะนี่คือบริษัทข้ามชาติ  ที่สำคัญจะต้องทำงานเป็นกะได้ ซึ่งในเฟสแรกเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้มีการเปิดรับพนักงานประจำไปแล้วราว 80 คน และจะเปิดเฟสที่ 2 ในเดือนกรกฎาคม เพื่อรับพนักงานทั้งประจำและพาร์ทไทม์อีกมากกว่า 200 ตำแหน่ง


          "เหตุผลที่เราเปิดรับพนักงานล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน เป็นเพราะเราต้องเทรนนิ่งพนักงานประจำก่อน เพื่อให้พนักงานประจำนำความรู้ที่ได้ไปช่วยเทรนพนักงานพาร์ทไทม์ต่อ จากนั้นในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เราจะให้พนักงานเข้ามาแชร์ไอเดียในการตกแต่งโชว์รูมต่างๆ ซึ่งพวกเขาจะตื่นเต้นมาก และเฝ้ารอให้ลูกค้าเขามาชมผลงานของตน ส่วนเหตุผลที่เราเปิดรับพนักงานพาร์ทไทม์มากกว่าพนักงานประจำ ก็เป็นเพราะว่าอิเกียต้องการความยืดหยุ่น โดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่จะต้องมีพนักงานพาร์ทไทม์มาช่วยเสริม แต่อย่างไรก็ตาม เราก็เปิดโอกาสให้พนักงานพาร์ทไทม์เข้าเป็นพนักงานประจำได้”


          โทมัสกล่าวต่อว่า อีกสิ่งที่อิเกียให้ความสำคัญคือในเรื่องของสวัสดิการ พนักงานประจำและพนักงานพาร์ทไทม์จะได้รับสวัสดิการสิทธิประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน อาทิ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต โบนัส เบี้ยเลี้ยงพิเศษ บัตรกำนัลในโอกาสต่างๆ เช่น วันเกิด รับขวัญบุตร มงคลสมรส เทศกาลสงกรานต์ คริสต์มาส ส่วนลดสำหรับซื้อเฟอร์นิเจอร์ หลักสูตรอบรมต่างๆ รวมถึงวันลาคลอดสำหรับคุณพ่อคุณแม่ พนักงานหญิงสามารถลาได้ 4 เดือนโดยได้รับเงินเดือน ส่วนพนักงานชายลาได้ 4 สัปดาห์โดยได้รับเงินเดือนเช่นกัน


          "นอกจากนี้ เรายังเปิดโอกาสให้พนักงานได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ เราให้โอกาสพนักงานในการข้ามสายงาน หรือพนักงานที่ทำงานกับอิเกียประมาณ 4-6 ปี หากพวกเขามีความสามารถ และมีประสบการณ์มากพอ เขาก็สามารถขอโยกย้ายไปทำงานที่สาขาในประเทศอื่นๆ ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าที่จะช่วยส่งเสริมและอนุมัติ รวมถึงถ้ามีตำแหน่งที่เปิดรับอยู่” โทมัสอธิบาย


          เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พนักงานทุกคนมีความสุข และส่งผลให้ตัวเลขการลาออกของพนักงาน (turn over) ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 17-18% เท่านั้น นับเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับในปี 2556 ที่สูงถึง 60% ซึ่งเป็นเพราะในเวลานั้นอิเกียยังเป็นบริษัทหน้าใหม่ที่คนยังไม่รู้จักดีนัก แต่หลังจากนั้นพนักงานที่ออกไปก็กลับเข้ามาสมัครงานกับอิเกียใหม่จำนวนไม่น้อย

 


          อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ ‘รอยยิ้ม’ ของพนักงานอิเกียกว้างขึ้น โทมัสบอกว่าคือบรรยากาศของการทำงานเป็นครอบครัว (Family Environment) ที่ทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง เนื่องจากองค์กรเปิดโอกาสให้พนักงานผิดพลาดได้ แสดงความคิดเห็นได้ ไม่ได้อยู่ในองค์กรที่เจ้านายกดดันตลอดเวลา


          “เรามีหลัก 3 ข้อในการดูแลพนักงานคือ การให้ความสำคัญกับพนักงานใหม่ใน 3 เดือนแรก, หัวหน้างานให้คำแนะนำ ให้ความรู้อย่างใกล้ชิด และสวัสดิการที่ไม่แตกต่างกัน” โทมัสกล่าวทิ้งท้าย


          ไม่แปลกใจเลยที่หลายคนกำลังเตรียมใบสมัคร เพื่อรอ ‘บ้าน’ หลังนี้เปิดประตูอีกครั้ง

[อ่าน 1,717]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
Future Food เทรนด์อาหารแห่งอนาคตเพื่อโลกที่ยั่งยืน กับมุมมองของไทยยูเนี่ยน
เจน - ชลันดา ศรีวิทิตกุล Interior Designer ที่ผสานเทคโนโลยีเข้ากับงานออกแบบ
ถอดรหัส HERO BRAND กลยุทธ์สร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนของ ”ซัคเซสมอร์”
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved