‘เดอะมอลล์’ ยกเครื่องสู่การตลาด 4.0 เพิ่มอีเวนต์-ลดโปรโมชัน
08 Jun 2017


          สังเวียนค้าปลีกทวีความดุเดือดขึ้นทุกขณะ เพราะไม่ใช่แค่เพียงฟากฝั่งคู่แข่งที่ต้องมีการปรับตัวเท่านั้น หากแต่ฝั่งของ ‘เดอะมอลล์’ ก็ต้องรื้อกลยุทธ์ใหม่หมดจด เพราะเวทีนี้ไม่ได้แข่งขันกันเพียงแค่ 2 รายใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้เล่นในธุรกิจ E-Commerce ที่ดึงกำลังซื้อของผู้บริโภคไปอยู่ในออนไลน์


          วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสการตลาด ของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า “ธุรกิจค้าปลีกในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 4-5% ขณะที่ธุรกิจ E-Commerce ก็เป็นกลุ่มที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนการเติบโตปรับเพิ่มขึ้น 5% ของค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด โดยมีปัจจัยสำคัญคือการที่ผู้บริโภคในยุค Sharing Economy ให้ความสำคัญกับการสื่อสารผ่าน Social Media เพิ่มมากขึ้น จนเกิดเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่ชื่อว่า Socialnomics”


          “ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ 3 ข้อใหญ่ๆ คือ หนึ่ง พวกเขาจะเสิร์ชหาข้อมูลทุกอย่างก่อนซื้อสินค้า จะเชื่อเพื่อน เชื่อข้อมูลที่อยู่บนโลกออนไลน์ มากกว่าที่จะเชื่อผู้ค้า สอง ทุกคนจะดูแลสุขภาพมากขึ้น และ สาม ลูกค้าจะมีความคาดหวังที่สูงมากขึ้น เพราะพวกเขาสามารถรู้ข่าวสารผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างรวดเร็ว ทางศูนย์การค้าก็จะต้องปรับตัวเพื่อตอบรับความคาดหวังของลูกค้าแต่ละรายให้ได้”


          นี่จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้เดอะมอลล์จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ด้วยการหันมาใช้วิธีการเขาถึงลูกค้าในแบบ ‘การตลาด 4.0’ และนำเอา Data Analytics มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทในการพัฒนาระบบไอทีเพื่อรองรับการให้บริการในยุคดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบ พร้อมใช้กลยุทธ์ Customer-Centric Segmentation และ One-to-One Personalization ด้วยการทำกิจกรรมและโปรโมชันให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าแต่ละไลฟ์สไตล์ลูกค้าในแต่ละเซกเมนต์ 


          สำหรับ 5 ทิศทางกลยุทธ์ที่เดอะมอลล์นำมารองรับการทำตลาดรูปแบบใหม่ ได้แก่


          1. Online Digital การใช้ดิจิทัลเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการช็อปปิ้ง ผ่านมุมมอง 3D คือ Data, Digital และ Delight Data เพื่อศึกษาพฤติกรรมฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะลูกค้า Gen-Z ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีและเปิดรับ Digital Media เป็นหลัก ซึ่งในปีที่ผ่านมาเดอะมอลล์ได้มีการลงทุนพัฒนาระบบฐานข้อมูลสมาชิกเพื่อนำข้อมูลสมาชิกบัตรเอ็มการ์ด (MCard) มาศึกษาข้อมูลการจับจ่ายซื้อสินค้าและวางกลยุทธ์ รวมถึงการวางระบบ Free Wi-Fi โดยจะนำ digital footprint พฤติกรรมการเดินของลูกค้ามาใช้เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ห้างและศูนย์การค้า


          ขณะเดียวกันก็จะใช้การตลาดดิจิทัลเชิงลึก ทั้ง Social Media Analytic Platform, Marketing Automation System เพื่อสร้างความแตกต่างด้วย Personalized Offers แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ระบบการตลาดอัตโนมัติ มาสร้างความแตกต่าง ด้วย Personalized Offers เพื่อแจ้งโปรโมชันหาลูกค้าในแต่ละรายตามแต่พฤติกรรมของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน


          “จากนี้ไป Big Data จะเข้ามามีความสำคัญอย่างมาก เพราะข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เราทราบรู้จักลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำเสนอโปรโมชันให้ตรงกับความต้องการรายบุคคล และส่งไปยังช่องทางที่ลูกค้าใช้งานเป็นประจำ ซึ่งเราได้เก็บข้อมูลมากว่า 6 เดือนแล้ว และยังต้องเก็บต่อไป เพราะเราต้องการความแม่นยำของข้อมูล” วรลักษณ์กล่าว


          2. Innovative CRM ปัจจุบันเดอะมอลล์มีลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรเอ็มการ์ดกว่า 3.5 ล้านราย และใช้งานประจำกว่า 2 ล้านราย ซึ่งจากนี้จะมีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบต่างๆ โดยเฉพาะการทำการค้าปลีกในยุค 4.0 คือ Beyond Shopping Experience เป็น The Really Inner Experience ให้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น 


          3. การทำ Collaboration ร่วมกับพันธมิตร โดยจะเน้นการผนึกกำลังกับพันธมิตรซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายคลึงกับเดอะมอลล์ ในการทำแคมเปญและจัดกิจกรรมทางการตลาดให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าหยิบบัตรมาใช้ให้บ่อยที่สุด รวมถึงแผนการเปิดตัวเวอร์ชวลการ์ดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในไตรมาส 3 


          4. Dining and Lifestyle Lead Marketing ซึ่งจากผลวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะมาศูนย์การค้าเพื่อทานอาหารกับครอบครัว และเพื่อตามอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ ดูอีเวนต์ต่างๆ ทางเดอะมอลล์จึงได้เชิญ หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ กูรูผู้เชี่ยวชาญด้าน dining และ โมเม-นภัสสร บุรณศิริกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นบิวตี้ และไลฟ์สไตล์ มานำเสนอผ่านโลกออนไลน์ เช่น LIVE, สร้างคอนเทนต์แปลกใหม่ ให้ข้อมูลลูกค้าเกี่ยวกับ เทรนด์, แบรนด์ หรือร้านค้า ตลอดปี เพื่อที่ผู้บริโภคให้เข้ามามีส่วนร่วมแบบอินเตอร์แอคทีฟ ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์กับกลุ่มลูกค้าและช่วยส่งเสริมกิจกรรมการขายอีกทางหนึ่งด้วย


          5. International Event เดอะมอลล์ได้ทุ่มเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาทจะถูกใช้เพื่อรุกหนักการจัดอีเวนต์กว่า 300 งานต่อปี ซึ่งจะช่วยสร้างความหลากหลายของกิจกรรมในศูนย์การค้าได้ดีกว่าการจัดโปรโมชันที่เป็นเพียงแค่การลดราคาสินค้าอย่างเดียว โดยจะเน้นหนักไปที่การสร้างประสบการณ์ร่วมกับลูกค้าผ่าน International Event ซึ่งเดอะมอลล์ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรมากมาย เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าในพื้นที่รวมไปถึงลูกค้าในพื้นที่อื่นๆ ให้เข้ามาใช้บริการ


          “ต้องยอมรับว่าผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มที่จะคุ้นชินโปรโมชัน ถ้าแบรนด์ไหนเคยลดราคา ผู้บริโภคก็จะรอซื้อช่วงเซลล์เท่านั้น ไม่ลดก็ไม่ซื้อ อย่างเดอะมอลล์เองจะจัดโปโมชันเฉลี่ย 20 ครั้งต่อปี แต่เรามองว่าการจัดโปรโมชันที่มากเกินไปไม่ได้เป็นผลดีกับศูนย์การค้า เราจึงต้องลดการจัดโปรโมชันลงเหลือเพียงเดือนละ 1 ครั้งแต่เป็นงานที่ใหญ่ขึ้น และหันมาเพิ่มอีเวนต์เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่ม” วรลักษณ์กล่าว

 


          โดยในช่วงครึ่งปีแรกทางเดอะมอลล์ได้ใช้งบส่วนนี้ไปแล้วประมาณ 40% ส่วนที่เหลือจะมาใช้ในช่วงครึ่งปีหลังสำหรับการฉลองครบ 36 ปีเดอะมอลล์ เช่น โชว์เต็มรูปแบบ GOT7 THAILAND TOUR ‘NESTIVAL’ ครั้งแรกในภูมิภาคอีสาน ที่เดอะมอลล์ โคราช, งาน AVATAR : Discover Pandora – Bangkok, งาน The Mall Japan Discovery ซึ่งถือเป็นงาน Signature ของเดอะมอลล์, งาน Countdown กิจกรรมส่งมอบความสุขส่งท้ายปี และยังมีกิจกรรมอื่นอีกมากมาย


           “เราเชื่อว่าด้วย 5 กลยุทธ์ที่เราวางเอาไว้จะช่วยผลักดันรายได้และยอดคนเข้าศูนย์การค้าได้ราว 15-20% และเพิ่มความถี่ในการมาจาก 2 ครั้งต่อเดือน เป็น 4 ครั้งต่อเดือน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายในร้านค้ากว่า 1,200 ร้านค้า” วรลักษณ์กล่าวทิ้งท้าย

[อ่าน 1,152]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“สตีเบล เอลทรอน” ชวนคนไทยเพิ่มความสดชื่นรับซัมเมอร์ ยกขบวนเครื่องกรองน้ำดื่ม 5 รุ่นท็อป ชูเทคโนโลยีล้ำสมัยคุณภาพระดับเยอรมนี
ทีเอ็มบีธนชาต รายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เซ็นทรัลพัฒนา ส่งท้ายสงกรานต์ ‘FWD Music Live Fest 3’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และวันไหลสงกรานต์เซ็นทรัลทั่วไทย
โครงการเพื่อสตรีของคาร์เทียร์ ประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 33 คน ประจำปี 2024
TikTok จัด TikTok LIVE Creator Network Conference ปักหมุดดัน TikTok Live ขยายศักยภาพเศรษฐกิจดิจิทัลไทยและระดับภูมิภาค
แอ็กซ์ จัดงานเปิดตัวใหม่! AXE Fine Fragrance Collection เสิร์ฟความหอมพรีเมียมเกินขั้น ติดทนนานเกินคาด
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved