Re-Branding ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีของ Superbrand อย่าง Facebook ที่เปลี่ยนชื่อตนเองเป็น Meta พร้อม Re-Positioning นิยามทางธุรกิจใหม่ให้เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย พร้อมมุ่งหน้าสู่ 'โลกอนาคตเสมือนจริง' หรือ 'Metaverse' ที่เพียงใช้แว่น VR ก็จะสามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้น
ทั้งนี้ Meta ที่รีแบรนด์ใหม่จะกลายเป็นชื่อบริษัทแม่ ขณะที่ชื่อ Facebook จะกลายเป็นแบรนด์หนึ่งภายใต้พอรฺตโฟลิโอของ Meta เช่นเดียวกับ WhatApp, Instagram พร้อมกันนี้ Meta ก็เตรียมเปิดขายหุ้นในชื่อ MVRS ในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 นี้
ที่มาของชื่อ Meta ซึ่งเป็นภาษากรีกที่แปลว่า 'ล้ำหน้า (Beyond)' นั้น มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ซึ่งชื่นชอบนิยายคลาสสิกในโรงเรียนจึงเลือกที่จะหยิบชื่อมา เนื่องจากมองว่าเหมาะกับกลยุทธ์ Re-Positioning นิยามทางธุรกิจใหม่ครั้งนี้ของ Facebook ด้วย เนื่องจากความหมายที่ว่า 'ล้ำหน้า (Beyond)' นั้นเท่ากับเปิดพื้นที่ของนิยามทางธุรกิจให้สามารถสร้างสรรค์อะไรได้อีกมาก
นอกจากนี้ เหตุผลของ Re-Braning ครั้งนี้ยังถูกประเมินว่า น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการที่จะกู้ชื่อเสียงของ Facebook หลังจากที่ก่อนหน้ามีการเปิดโปงเรื่องการอนุญาตให้มีข่าวปลอมบนหน้า เพื่อเป็นการเรียกยอดเข้าเยี่ยมชม ความผิดพลาดจากการควบคุมเนื้อหา และมีการกล่าวถึงอิทธิพลทางด้านลบที่มีต่อสภาพจิตใจของผู้ใช้งานอย่างไรบ้าง
เป้าหมายใหม่ของ Meta ที่ต้องการปักหมุดที่ Metaverse นั้นคืออะไรกันแน่ ก็คงต้องบอกว่า Metaverse เป็นพิกัดที่สถานที่ในโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกดิจิทัลมาบรรจบกัน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์หรือกำหนดตนเองให้เป็น Avatars (อวตาร์) ที่จะให้เหมือนตัวเราจริงๆ หรือเป็นตัวละครแฟนตาซีอะไรก็ได้แล้วแต่จินตนการ เพื่อสื่อสารพูดคุยได้ทุกอย่างกับโลกภายนอกที่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเล่น การประชุม การชมคอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งลองเสื้อผ้า โดยไม่ต้องไปยังสถานที่เหล่านั้นจริงๆ
ทั้งนี้ การที่จะเข้าสู่โลกของ Metaverse สามารถทำได้ 3 วิธีคือ
ด้วยเทคโนโลยีขณะนี้ เราสามารถโทรผ่าน Facebook Messenger ได้แล้วในแบบ VR ทั้งนี้ Meta กำลังวางแผนที่จะเปิดตลาดโลกเสมือนจริง ด้วยการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่ทางแบรนด์ทำออกมาขาย เช่น Ray-Ban Stories และ Smart Watch ซึ่ง Bloomberg รายงานว่า Smart Watch ที่กำลังพัฒนาของ Meta มีดีไซน์คล้ายกับ Apple Watch แต่มีหน้าปัดที่ดูใหญ่กว่า กว้างกว่า และบริเวณขอบมีความโค้งมนมากกว่า นอกจากนี้ Meta ก็กำลังทำหน้าโฮมสกรีนของแว่น Oculus Quest เสียใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถพูดคุยและเล่นเกมในโลกเสมือนจริงได้อย่างใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องความปลอดภัยในโลก Metaverse นั้น รายงานข่าวระบุว่า Meta ได้ประกาศทุ่มเงินกว่า 50 ล้านดอลลาร์ให้กับองค์กรและสถานศึกษาต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล และ Women in Immersive Tech ฯลฯ เพื่อพัฒนาให้เกิดความมั่นใจว่า โลก Metaverse จะมีความปลอดภัยมากเพียงพอ โดยเงินจำนวนนี้จะแจกจ่ายให้ เป็นต้น