19 ตุลาคม 2021 นับเป็นวันหนึ่งที่สาวก MacBook Pro ต่างรอคอย เพราะเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ของคอมพิวเตอร์แล็ป ท็อปเครื่องนี้ที่มาพร้อมกับขุมพลังอย่างชิป M1 Pro และ M1 Max ที่ออกแบบโดย Apple และถือเป็นการสิ้นสุดการใช้ชิป Intel ใน MacBook ทุกรุ่น
งานในวันนั้น Apple ยังได้เปิดตัวหูฟังไร้สาย AirPod ด้วยดีไซน์ใหม่แบบโค้งมน พร้อมกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นทำให้สามารถฟังได้นานถึง 6 ชั่วโมงและฟังได้นานถึง 30 ชั่วโมงด้วยเคสชาร์จที่ใช้งานสะดวก
นอกจากนี้ยังมี HomePod mini ที่มาใน 3 สีสันสุดสวยอย่างสีเหลือง สีส้ม และสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เพิ่มจากสีเดิมอย่าง สีขาวและสีเทาสเปซเกรย์
กระนั้นการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ที่แตกต่างและไม่เคยมีใครพูดถึงนั้นได้รับความสนใจอย่างมากจนกลายสินค้าที่ต้องรอคอยนานถึง 2 เดือน ซึ่งสำหรับลูกค้าในอเมริกาวันจัดส่งที่เร็วที่สุดคือวันที่ 11 มกราคม 2022 เป็นอย่างน้อย
ซึ่งเจ้าสินค้าที่ว่านั้นคือ ผ้าขนาด 6.3 x 6.3 นิ้ว ที่มีไว้สำหรับเช็ดรอยเปื้อน และรอยนิ้วมือออกจากหน้าจอในราคา 19 ดอลลาร์สหรัฐ หรือวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคา 690 บาท
ทำด้วย ‘วัสดุที่อ่อนนุ่มและไม่กัดกร่อน’
ผ้าที่มีตราสัญลักษณ์ Apple อยู่ที่มุม ผืนนี้ทำมาจาก‘วัสดุที่อ่อนนุ่มและไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน’ จึงใช้ทำความสะอาดหน้าจอของ iPhone, iPads และ MacBooks รวมถึงกระจก Nano-texture ได้อย่าง ‘ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ’
การเรียกเก็บเงิน 19 ดอลลาร์สำหรับผ้าชิ้นหนึ่งที่มีขนาดเท่ากับธนบัตรสองใบซ้อนกันนั้นมีความกล้า แม้จะเป็นมาตรฐานของ Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่มีลูกค้าประจำจำนวนมากต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นมากขึ้นก็ตาม
ในทางเทคนิคแล้วผ้าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ก่อนหน้านี้ Apple ได้ให้บริการฟรีสำหรับลูกค้าที่ซื้อจอภาพระดับไฮเอนด์ Pro Display XDR ที่มีราคา 5,999 ดอลลาร์ หรือเกือบ 200,000 บาท
จอดังกล่าวมีกระจกชนิดพิเศษที่ช่วยลดแสงสะท้อน แต่อาจเกิดรอยขีดข่วนได้หากเช็ดด้วยผ้าธรรมดา Apple กล่าวว่าได้ออกแบบผ้าของตัวเองสำหรับจอชนิดนี้และตัดสินใจขายผลิตภัณฑ์แยกต่างหากเมื่อลูกค้าบางคนขอซื้อเป็นอุปกรณ์เสริม
แม้จะมาพร้อมกับราคาที่ดูไม่สมเหตุผลสมสำหรับบางคนที่อาจมองว่า สูงเกิดไปสำหรับผ้าเช็ดรอย 1 ผืน แต่เจ้าหน้าที่ของ Apple ที่ไม่ได้เปิดเผยตัว กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่า “Apple ไม่แปลกใจกับความต้องการผ้าเช็ดรอย”
ทำกำไรได้สูงสุด
เมื่อเทียบกับสินค้าที่คล้ายคลึงกันอย่าง MagicFiber แบรนด์ผ้าไมโครไฟเบอร์ยอดนิยมที่ใช้เส้นใย Ultrafine ในการทำความสะอาดกระจกโดยไม่ทำให้พื้นผิวเป็นรอย ซึ่งวางขายชุดละ 6 ชิ้นด้วยราคา 9 ดอลลาร์สหรัฐ 300 บาทใน Amazon.com ทำให้รายงานจาก Bloomberg ชี้ว่า ผ้าเช็ดรอยที่ตีตาม Apple กำลังขึ้นแท่นเป็นสินค้าที่ทำ ‘กำไรได้สูงสุด’ ชิ้นใหม่
ที่ผ่านมา Apple มีประวัติในการผลักดันขอบเขตราคาด้วยผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เสริม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ iPhone ซึ่งเป็นเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่สามารถตั้งราคาได้เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 33,000 บาท และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา iPhone ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น พร้อมกับลากจูงอุตสาหกรรมมือถือที่เหลือให้มีราคาขึ้นมาด้วย
อีกตัวอย่างคือในปี 2019 กับการเปิดตัว Mac Pro ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพด้าน CPU ในระดับสุดยอด แต่ก็ต้องแลกมากับราคามหาโหด ซึ่งหากเลือกซื้อในสเปกสูงสุดต้องจ่าย 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.6 ล้านบาท
ซึ่งหากอยากได้ประสบการณ์ที่ครบครันจะต้องจ่ายเงินอีก 5,999 ดอลลาร์ สำหรับหน้าจอ Pro Display XDR ซึ่ง (ในเวลานั้น Apple เคลมว่า) ‘เป็นจอภาพระดับโปรที่ดีที่สุดในโลก’ แต่ยังไม่หมดเท่านั้นจอดังกล่าวยังมาพร้อมกับขาตั้งจอ Pro Stand ซึ่งวางขายใน 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30,000 บาทอีกด้วย
และล่าสุดอย่าง MacBook Pro ที่หากใครเลือกหน้าจอขนาดใหญ่ 16 นิ้วและจัดเต็มด้วยชิป M1 Max ที่ Apple เคลมว่า เป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับโน้ตบุ๊กระดับโปร CPU แบบ 10-core อันทรงพลังไม่ต่างจาก M1 Pro แต่มี GPU มากขึ้นอีกสองเท่าเป็นสูงสุด 32 คอร์ จึงมีประสิทธิภาพ GPU เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 4 เท่า คุณจะต้องจ่ายด้วยราคากว่า 6,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 200,000 บาทเลยทีเดียว
ไม่ได้ผลเสมอไป
อย่างไรก็ตามการกำหนดราคาที่สูงขึ้นของ Apple ก็ไม่ได้ผลเสมอไป ในปี 2015 ได้เปิดตัว Apple Watch Edition ในราคา 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 565,000 บาท ซึ่งพร้อมตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต แต่ปรากฏว่า ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนมากสำหรับเทคโนโลยีที่จะล้าสมัยอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นในเวลาต่อมา Apple ได้สร้างสมดุลระหว่างความหรูหราและการใช้งานได้จริงกับนาฬิกา โดยเปลี่ยนจากตัวเรือนมาเป็นสายนาฬิกาแทน อย่างเช่น Hermès Fauve
บทความจาก MarketPlus Magazine Issue 140 บนร้านซีเอ็ด และนายอินทร์ ทั่วประเทศ