‘รุ่งโรจน์ ตันเจริญ’ มองโลก ให้หลายมุม
03 Aug 2017

 

           หากพูดถึง บริษัท แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป (Rabbit Digital Group) แวบแรกเราจะเห็นภาพดิจิทัล เอเจนซี น้องใหม่ที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดและมีผลงานโฆษณาเจ๋งๆ บนสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน ภาพที่สองคือ สี่แม่ทัพรุ่นใหม่ไฟแรง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รุ่งโรจน์ ตันเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ที่ให้เกียรติมานั่งพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ แนวคิด และความเป็นมาบนเส้นทางการทำธุรกิจตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงทุกวันนี้   


           จากหนุ่มวิศวกรรมอุตสาหการ รั้วจามจุรี พ่วงท้ายด้วยปริญญาโท MBA Babson College เขาเริ่มก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจด้วยกิจการร้านไอศกรีมเล็กๆ ในชื่อ  ‘ซาโต้ ซอฟต์’ (Sato Soft) จุดเริ่มต้นจากการลองผิดลองถูก ที่เหมือนเป็นการจุดประกายและต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย 


           รุ่งโรจน์ เล่าว่า “จริงๆ ผมเริ่มธุรกิจตั้งแต่เรียนวิศวะฯ จุฬาฯ เปิดเป็นร้านซอฟต์ครีมสไตล์ญี่ปุ่นเล็กๆ ที่สยาม ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับไอศกรีมเลย แต่เราเห็น Market Gab อยู่บางอย่าง ผมเลยหุ้นกับเพื่อนอีกคนใช้ทุน 2 แสนบาท แรกๆ ทำไอศกรีมไม่เป็น ไปเดินงานแฟร์ซื้อเครื่องทำไอศกรีมเก่าๆ มือสองมาเครื่องหนึ่ง ถามเขาว่าทำอย่างไร ลากเพื่อนมาที่บ้าน ทำสูตร ชิม ทดลองกัน เปิดร้าน 3-4 เดือนแรกหาพนักงานไม่ได้ผมต้องขายเอง ทุกบ่ายโดดเรียนหมดเลยมาขายไอศกรีม แต่ปกติก็โดดอยู่แล้ว (หัวเราะ) ขายถึง 4-5 ทุ่มทุกวันไม่มีวันหยุด พอมาถึงจุดๆ หนึ่งก็ได้เงินมาพอสมควร ก็มีขยายสาขา แล้วก็ทำธุรกิจอื่นๆ หลากหลาย เช่น อิมพอร์ตของจากจีนมาขาย ทำร้านอาหารกับเพื่อนก็มีครับ ชื่อร้าน MYST ที่เชียงใหม่” 


           ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือหลากหลายทั้งประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา การเมือง ธุรกิจ การตลาด วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ทำให้เขากลายเป็นคนช่างสังเกต รุ่งโรจน์เล่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ในยุคที่ยังไม่มีคำว่าดิจิทัล มาเก็ตติ้ง ไม่มีอินสตาแกรมไลน์ และเฟซบุ๊กที่เพิ่งเริ่มได้รับความนิยมเพียง 2-3 ปี แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้คือ การเปลี่ยนไปของพฤติกรรมมนุษย์ ที่เริ่มก้าวข้ามจากสื่อออฟไลน์ มาสู่สื่อออนไลน์ กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จุดประกาย ต่อยอดไปสู่การลองธุรกิจใหม่อย่างดิจิทัล เอเจนซี ในเวลาต่อมา  

 


           “ตอนนั้นเป็นยุคที่ไอโฟนเพิ่งฮิต แอนดรอยด์เพิ่งตั้งไข่ ยังไม่มีคำว่าเท็กสตาร์ทอัพเลย แต่เรารู้สึกว่ามันมีไอทีต่างๆ ซึ่งส่วนตัวเป็นคนชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว ก็เลยเริ่มมาคิดว่าอยากทำอะไรเกี่ยวกับด้านนี้ เกี่ยวกับพฤติกรรมของคน พอทำไป เราก็เห็นว่า เฮ้ย พฤติกรรมของคนก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ มันมีอะไรที่ยังใหม่มากๆ เราเห็นงานจากต่างประเทศ เราเห็นว่ามันเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตเรานะ เราก็เลยสนใจตรงนี้”


           “สำหรับ แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ฟ ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่า แรบบิท เทล ก่อตั้งขึ้นจากผู้บริหาร 2 คน ในช่วงแรกคือ คุณปอม (ชนินทร์ อรัญวัฒน์) กับ คุณแม็ค (สุนาถ ธนสารอักษร) แล้วผมก็มาจอยหลังจากนั้นเดือนหนึ่ง ร่วมตั้งไข่กัน 3 คนแรก และอีกคนคือ คุณบี (สโรจ เลาหศิริ) ก็ค่อยๆ ขยายขึ้นมา แต่เราเพิ่งมาโตจริงๆ ประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรายังมีพนักงานทั้งหมดแค่ 15 คนรวมพวกเรา แต่ตอนนี้เรามีกว่า 150 คน 10 เท่าใน 3 ปีกว่าๆ” 


           ทั้งนี้ หากสังเกตในวงการสื่อโฆษณาปัจจุบันจะเห็นว่า บริษัทเอเจนซีส่วนใหญ่มักจะก่อตั้งขึ้นจากบุคคลที่มีประสบการณ์จากงานเอเจนซีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงการมาก่อน แต่สำหรับ แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป กลับแตกต่างออกไป เพราะผู้บริหารทั้งสี่ไม่มีใครเคยทำงานทางด้านนี้เลย


           “ผมจบวิศวะฯ พาร์ทเนอร์ไม่มีใครจบโฆษณาเลย เราไม่รู้เลยว่าเอเจนซีทำงานกันอย่างไร แบบไหน เราต้องมาเรียนรู้ใหม่ เราต้องเก็บพอร์ตโฟลิโอเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง เริ่มมีลูกค้ารายใหญ่ งานที่ออกไปค่อนข้างเวิร์ค เราเลยตัดสินใจว่าจะขยาย เหมือนชาร์จพลังมาพอสมควรแล้วก็เริ่มขยายกัน พอโตไปถึงจุดหนึ่งเราจะเห็นว่ามันมีสิ่งที่ลูกค้าต้องการ พอทำไปเรื่อยๆ เราจะรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และดิจิทัล เอเจนซีอย่างเดียวไม่ได้ตอบโจทย์ เราจึงเริ่มขยายจากแรบบิท เทล มาเป็นแรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จากดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เป็น ดิจิทัล คอมมูนิเคชั่น เพราะอุตสาหกรรมมันโตมาก โตปีละ 30% อยู่เลย ดังนั้น เราจะทำอย่างไรให้โตทัน”  

 


           จากความคิดดังกล่าว ทำให้ Rabbit Digital Group ในปัจจุบัน เป็นศูนย์รวม 4 บริษัทสุดเจ๋งเข้าไว้ด้วยกัน คือ Rabbit’s Tale ดูแลในเรื่องของดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง Moonshot ดูแลทางด้านดิจิทัลพีอาร์และป้อนคอนเทนต์เจ๋งๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย Code&Crafts ดูแลด้านแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ต่างๆ และ The Zero ดูแลด้านดิจิทัล พับบลิชเชอร์


           “ทุกวันนี้เราไม่ได้คิดว่าเราเป็น Digital Agency เพียงอย่างเดียว เราใช้คำว่า ‘Full Service Agency in Digital Age’ เราทำงานออฟไลน์ด้วย ทำงานทีวีซีด้วย เราต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ Digital People เป็นศูนย์กลาง และ Offline เป็น Go Around ไม่ได้เอา Offline เป็นศูนย์กลางเหมือนปกติ คือเอาพฤติกรรมคนเป็นหลัก ทำให้ที่ผ่านมาเรามีการ Pitch กับบริษัทต้นๆ ของประเทศ และมี Winning Rate ประมาณ 80% ซึ่งน่าพอใจมากสำหรับเอเจนซีน้องใหม่เล็กๆ แบบเรา” 


           จากอัตราการเติบโตที่ดูท่าจะขยายมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต รุ่งโรจน์ บอกเล่าถึงเคล็ดลับความสำเร็จในการทำธุรกิจดิจิทัล เอเจนซีว่า การสร้าง Momentum ได้แก่ งาน คน และลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญ หากบริษัทมีลูกค้าที่ดี มีความคิดที่เปิดกว้าง และพร้อมที่จะทำอะไรสนุกๆ ก็จะสามารถผลิตผลงานที่ดีออกไป ซึ่งนี่คือตัวดึงดูดพนักงานเก่งๆ ให้อยากเข้ามาร่วมงาน และสุดท้ายบริษัทก็จะได้งานที่ดี ได้ลูกค้าที่ดี และได้คนเก่งๆ มาทำงาน


           “Rabbit Digital Group มาถึงวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพาร์ทเนอร์และผู้บริหารทุกคนที่มีความหลากหลาย แต่ละคนสามารถเสิร์ฟได้อย่างพอดี ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างธุรกิจหรือทำอะไรก็ตาม เราไม่สามารถมองเรื่องๆ หนึ่งได้จากมุมๆ เดียว เราอาจจะต้องใช้ Marketing Game หรืออาจจะต้องใช้ Financial เข้ามา หรือเรามีอะไรที่สามารถทำร่วมกับสตาร์ทอัพได้บ้าง หรือวันดีคืนดีมันอาจมีบางเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แต่ด้วยความที่ผมชอบอ่านหนังสือ เราจะเข้าใจในเรื่องที่หลากหลาย เพราะฉะนั้น ผมจึงพยายามจะขับเคลื่อนองค์กรด้วยการมองในมุมที่หลากหลาย ไม่มองจากมุมใดมุมหนึ่ง” 


           ทั้งนี้ อุปสรรคที่ต้องเจอเป็นอันดับต้นๆ ในการบริหารองค์กรไม่ว่าจะที่ใดก็ตามส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของการบริหารคน การเป็นผู้บริหารในช่วงที่อายุยังน้อย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับงาน รุ่งโรจน์ เล่าว่า “เราอยู่กัน 10 กว่าคนมาตลอด จนวันหนึ่งเราขยาย ตัวผมเองก็คือผู้บริหารมือใหม่ เพราะผมไม่เคยบริหารคนเยอะขนาดนี้มาก่อน เราก็เริ่มมาเรียนรู้ไปด้วยกัน ทำไปเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Culture ของบริษัท ของคน วันนี้เราไม่มีชาเขียวขาย เราไม่มีซูชิขาย เราขายสิ่งที่อยู่ในสมองคนอย่างเดียวเลย เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ การเติบโตของบริษัทแต่ละ State มันไม่สามารถใช้กระบวนการวิธีเดิมๆ ในการบริหารได้ ในช่วงแรกเราขยายตัวเร็ว มันก็มี Culture คน มาจากหลากหลายโรงเรียน วิธีการทำงาน วิธีการคิดไม่เหมือนกัน เราก็มาปรับจูนกัน Learning by doing กันไปพอสมควร ความจริง ถ้าไปถามองค์กรอื่นๆ สิ่งที่ยากที่สุดคือ การบริหารคนแหละ แต่ว่าการบริหารคนผมคิดว่าคือ State หนึ่ง แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งมันเริ่มนิ่งก็จะกลายเป็นเรื่องอื่นมากกว่า” 


           สำหรับความสำเร็จที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความฝัน ที่เขายังคงต้องเดินหน้าและทำให้ Rabbit Digital Group เติบโตไปในอนาคต พร้อมๆ กับมองหาสิ่งใหม่เพื่อเข้ามาเติมเต็มความฝันในส่วนอื่นๆ ด้วยความคิดที่ว่า “ชีวิตยังอีกไกล”

 


Role model

           “ผมชอบ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เพราะเขาเป็นคนที่สามารถนำวิทยาศาสตร์กับธุรกิจ มารวมกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้จริงๆ เมื่อก่อนเขาทำบริษัท เพย์พาล (PayPal) แต่ขายไป แล้ววันนี้เขาเป็นเจ้าของ เทสล่า มอเตอร์ส (Tesla Motors) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และอีกหนึ่งบริษัทคือ สเปซเอ็กซ์ (Space X) ที่สร้างจรวดขนส่งอวกาศ เขาต้องการส่งมนุษย์ไปตั้งรกรากอยู่ดาวอังคาร 1 ล้านคน ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า ฟังครั้งแรกเราจะคิดว่าบ้าหรือเปล่า แต่พอไปฟังลึกๆ อ่านลึกๆ Logic มันชัด และสิ่งที่เขาทำจริงๆ มันเป็นไปได้” 

 

           “อีกคนหนึ่งคือ บิล เกตส์ (Bill Gates) ผมมีโอกาสได้ฟังปาฐกถาของเขา ในงานจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดผ่านยูทูบ สาระสำคัญโดยรวม คือ เขาขอบคุณฮาร์วาร์ดที่สอนอะไรหลายๆ อย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเสียใจคือ อีก 20 ปีให้หลัง เขาต้องมาค้นพบเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์บนโลกนี้ด้วยตัวเอง มีเด็กในแอฟริกาต้องตายด้วยโรคขาดสารอาหาร เขาขอให้เด็กฮาร์วาร์ดซึ่งถือเป็นอภิสิทธิ์ชน ที่ซึ่งมีพลังมากที่สุดในโลก ไปสนใจในที่ที่ไร้อภิสิทธิ์ ที่ๆ ไม่รู้จักแม้กระทั้งฮาร์วาร์ดคืออะไร ได้หรือไม่ ไปทำให้มันดีขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันหล่อหลอมตัวตนของผมในตอนนี้ และก็อยากที่จะเป็นในอนาคตพอสมควร”  รุ่งโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย

[อ่าน 2,683]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดใจ ‘เลิศรินิญฒ์ ศรีสุคนธ์’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘Cafe Chilli’ ให้เป็นแบรนด์เรือธง ของ สะไปซ์ ออฟ เอเซีย
ทีเด็ด POP MART เจาะตลาดไทยอย่างไร ให้มัดใจผู้บริโภคอยู่หมัด
‘เดอะคลีนิกค์’ เผยผลงานโดดเด่นปี 66 โกยรายได้กว่า 2.3 พันล้าน เดินหน้าบุกตลาดความงาม
“เพราะชีวิตคือบททดสอบ” เปิดเรื่องราวชีวิตหญิงแกร่ง CHRO แห่งทรู คอร์ปอเรชั่น
‘ไพศาล อ่าวสถาพร’ กับเบื้องหลังการปั้น ‘บิสโตร เอเชีย’ ให้มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 70%
ศุภลักษณ์ อัมพุช กับ New Era ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่เป็นมากกว่าแค่ช้อปปิ้ง แต่คือการสร้างย่านการค้า
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved