'ทิพยประกันภัย' นำคณาจารย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศลงพื้นที่ทำกิจกรรม ณ โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการป่าสิริเจริญวรรษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ชลบุรี ทำกิจกรรมการพัฒนาสังคมแบบองค์รวม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการทรงงานพัฒนาชุมชน ด้วย ‘พลังบวร : บ้าน - วัด - โรงเรียน’ เน้นการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม เพื่อช่วยกันต่อยอดนำความรู้ไปพัฒนาชุมชนให้มีความแข็งแรงอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม หลังวิกฤติโควิด -19
โครงการ ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 17 ซึ่งดำเนินการโครงการโดย บมจ.ทิพยประกันภัย ร่วมกับ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มูลนิธิธรรมดี สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย พร้อมทั้งคณาจารย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ ซึ่งจัดมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 เพื่อสนองตามพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
วิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย กล่าวถึงการทำกิจกรรมครั้งล่าสุดนี้ว่า
“คณาจารย์ที่เข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 17 จะได้ร่วมทำกิจกรรมการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญในความเชื่อมโยงของ ชุมชน วัฒนธรรม ประเพณี การศึกษาและสิ่งแวดล้อม อาทิ การทำกิจกรรม ณ วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกสร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ที่มีพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์เป็นการสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและราชวงศ์จักรี และพระพุทธปฏิมาประธานประจำอุโบสถได้รับการถวายพระนามว่า ‘สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์’ สร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แสดงถึงความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างสถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สืบเนื่องยาวนานนับพันปี
วัดนี้อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก และได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระกรุณานานัปการจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ได้ทรงอุปถัมภ์ในการก่อสร้างตลอดมา และทรงรับเป็นวัดในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นวัดในพระองค์อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรม ณ โครงการป่าสิริเจริญวรรษอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ การปั้นและโยน EM Ball เพื่อบำบัดรักษาแหล่งน้ำให้มีความสมบูรณ์ต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์น้ำ การสร้างฝายชะลอและเก็บกักน้ำ เพื่อประโยชน์ทางการเกษตรและชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนรอบๆ โครงการและใกล้เคียง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ ‘พลังบวร’ ซึ่งเป็นหลักที่สอนให้คนรักษาความสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เกิดการพึ่งพาตนเองช่วยสังคมและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งช่วยให้คนไทยตระหนักถึงคุณค่า และภาคภูมิใจในความเป็นไท มีความมั่นคงในวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการต่อเนื่องยาวนาน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจการสืบสานความเป็นไท
ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์ นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวเสริมว่า โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณรอบวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการป่าสิริเจริญวรรษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ชลบุรี เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้ถูกคัดเลือกอยู่ในหนังสือ ‘เดินทางตามรอยพระราชา’ ที่ศูนย์คุณธรรม วมกับองค์กรภาคี ได้จัดทำขึ้น เป็นการสรุป 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา สำหรับเด็กเยาวชนและผู้ที่สนใจได้นำไปศึกษาให้เกิดประโยชน์จากการเรียนรู้ พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ดังที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวไว้ว่า
“หากเยาวชนได้เรียนรู้ศาสตร์ของพระราชา พระองค์จะทรงอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดไป”